วันที่ 1 จากกรุงเทพ ฯ – เชียงของ (930 กม.)
17.00 น. นัดพบ เช็คอินเข้าที่พักที่บ้านพักผ่อน อำเภอเชียงของ
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ พร้อมฟังสรุปคำบรรยายเส้นทางการเดินทาง
21.00 น. พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่2 เชียงของ – หลวงน้ำทา – เชียงรุ้ง (สิบสองปันนา) (420 กม.)
07.30 น.หลังอาหารเช้าเดินทางเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงของ จากนั้นนำรถยนต์ผ่านพิธีการข้ามแดนที่ด่านเชียงของ ลงแพ
ขนานยนต์เพื่อข้ามสู่ ด่านห้วยทราย สปป.ลาว ผ่านขั้นตอนการตรวจรถของเจ้าหน้าที่ลาวแล้วเดินทางไปประเทศจีน ตามเส้นทางถนนสายเศรษฐกิจ R3a จากนั้นมุ่งหน้าสู่ ด่านบ่อเต็น ชายแดนลาว – จีน ซึ่งอยู่เขตพื้นที่เมืองหลวงน้ำทา บนเส้นทางสายธรรมชาติ เดินทางผ่านเวียงภูคา (แหล่งขุดถ่านหิน เพื่อส่งมาขายยังประเทศไทย) ระยะทางประมาณ 250 ก.ม. และมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 400-1800 เมตร
12.00 น. อาหารกลางวัน (อาหารกล่อง)หลังจากนั้น เดินทางต่อ
14.00 น. เดินทางสู่ด่านชายแดนลาว-จีน ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองของ2ประเทศ ออกเดินทางผ่านเมืองหม่องล้า ซึ่งเป็นเมือง
ขนาดใหญ่ มีความเจริญมาก หลังจากนั้นเดินทางไปตามเส้นทางด่วนที่เพิ่งเปิดบริการ ระหว่างทางเราจะลอดผ่านอุโมงค์
สั้นๆกว่า 20 อุโมงค์ เพื่อมุ่งหน้าสู่ เมืองเชียงรุ้ง หรือที่นิยมเรียก เมือง “สิบสองปันนา”
18.00 น. ถึงเมืองเชียงรุ้ง เข้าที่พักโรงแรม 2 ดาว
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่ 3 สิบสองปันนา – ซือเหมา - คุณหมิง (580 กม.)
08.00 น.ออกเดินทางนำรถไปที่ขนส่งเพื่อนำรถไปสภาพตามกฎระเบียบของประเทศจีนหลังจากตรวจสภาพรถแล้วออกเดินทางต่อผ่านเมืองซือเหมา สภาพถนนลาดยางโค้งเยอะ ทางแคบสลับภูเขาประมาณ 60 กม.หลังจากนั้นขึ้นเส้นทางด่วนยกระดับ
อย่างดีชื่อทางด่วนว่า “Kunming-Bangkok Highway”เป็นทางถนนทางด่วนประมาณ 350 กม. สามารถทำเวลาการเดินทางได้ ท่านจะได้สัมผัสเส้นทางด่วนลอยฟ้าและถนนจะตัดผ่านภูเขาโดยจะเจาะลอดอุโมงค์ ร่วมสิบอุโมงค์
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
19.00 น. ถึงเมืองคุนหมิงเข้าพักโรงแรม ระดับ 2 ดาว พร้อมรับประทานอาหารและพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่ 4 คุนหมิง-ป่าหิน – วัดหยวนทง - ตำหนักทอง
08.00 น. วันนี้เดินทางโดยรถบัสไปเที่ยวป่าหิน ระยะทางประมาณ 70 กม.ซึ่งเป็นสวนหินทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นสถานแหล่ง
ท่องเที่ยวที่สำคัญของคุนหมิง จะมีหินงอกหินย้อยให้ท่านเดินชมอย่างสวยงามใช้เวลาประมาณ 2 ชม.
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย เดินทางกลับเข้าเมือง นำท่านไปเยี่ยมชม วัดหยวนทง หลังจากนั้นปล่อยท่านได้ช้อปปิ้งอิสระ
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนตามอัธยาศัยโรงแรมเดิม
วันที่ 5 คุนหมิง - ต้าลี่ (300 กม.)
08.00 น. ออกเดินทางจากเมืองคุนหมิงตามถนนหมายเลข 214 สภาพเส้นทาง Highway”ประมาณ 300 กม.สู่ เมืองต้าลี่ เมือง
โบราณแห่งวัฒนธรรมโบราณศูนย์กลางของชนเผ่าชาวไป๋ ของมณฑลยูนาน ระหว่างทางท่านจะได้สัมผัสกับธรรมชาติและวีถีชีวิตชาวจีนชนบทของยูนานตลอดสองข้างทาง
12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย ออกเดินทางนำท่านมุ่งสู่เมืองย่านเมืองเก่า ของต้าลี่ ระหว่างทางผ่านชม เจดีย์ 3 องค์ ซึ่งตั้งอยู่ในวัดฉงเซิ่ง บริเวณทาง
เหนือของเมืองต้าลี่เก่า ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร นำท่านถ่ายภาพ ณ จุดชมวิว ที่สามารถครอบคุณเจดีย์ทั้งสามองค์ ที่อยู่ห่างกันได้ตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางไปเที่ยวชมความงดงามของ เมืองโบราณต้าลี่ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรหนานเจ้า มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1000 ปีมีกำแพงเมืองที่สวยงาม บนกำแพงยังมีหอซึ่งมีป้ายหินแกะสลักคำว่า ต้าลี่ ถ้าท่านได้มาถึงจุดนี้เสมือนว่ามาถึงอาณาจักรหนานเจ้า
18.00 น. เข้าที่พักโรงแรมระดับ 2 ดาว รับประทานอาหารค่ำและพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่ 6 ต้าลี่– ลี่เจียง – แชงกรีล่า( จงเตี้ยน) (390 กม.)
08.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองลี่เจียงสภาพถนนสองเลนสวนช่วงในเมืองรถค่อนข้างเยอะขึ้นเขาสูง
12.00 น. แวะรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง
บ่าย ออกเดินทางไปเมืองแชงกรีล่า นำทุกท่านเดินทางต่อ มุ่งสู่ เมืองจงเตี้ยน หรือ ดินแดนสวรรค์แชงกรี-ลา : Shangri-la
นั้นเป็นดินแดนที่ถูกกล่าวถึงโดย James Hilton ในนวนิยายอมตะเรื่อง The Lost Horizon ที่ได้บรรยายไว้ว่าเป็นดินแดนที่ประดุจสวรรค์บนดิน ภายหลังได้มีการพยายามสืบเสาะค้นหาว่า ตรงจุดใดของที่ราบสูงทิเบตอันกว้างใหญ่ เป็นแรงบันดาลใจให้ Hilton พรรณนาว่าเป็นดั่ง Shangri-la ต่อมาทางการจีนได้ประกาศให้เขตการปกครองตนเองตี๋ชิง (Di Qing) ซึ่งประกอบด้วย 3 เมือง คือ จงเตี้ยน เต๋อชิง และเหวยซี เป็นดินแดนที่เรียกว่า แชงกรี-ลา และเรียกเมืองจงเตี้ยนว่า เมือง แชงกรี-ลา สนามบินจงเตี้ยนก็ให้ชื่อว่า Shangrila airport แล้วประชาสัมพันธ์ภาพของ แชงกรี-ลา ด้วยภูเขาหิมะเหมยลี่ ประกาศเป็นเส้นทางท่องเที่ยวใน "Visit China Year" และในคำนิยามของ Shangri-La ว่า "Sun and Moon in Heart" สุริยันจันทราในดวงใจ คือ เป็นดินแดนที่สงบสุข และสวยงาม ประดุจ สวรรค์บนดิน ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,350 เมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนที่ราบสูง ทิเบต ที่ซึ่งเปรียบเสมือนดั่งดินแดนต้องห้าม ในเทพนิยาย ระหว่างทางแวะชม หุบเหวเสือกระโจน หรือช่องแคบเสือกระโดด เป็นช่องแคบหุบเขาลึกที่สุดในโลก ที่น่าตื่นตา
ตื่นใจ และช่องแคบช่วงแม่น้ำแยงซี ไหลลงมาจากจินซาเจียง (แม่น้ำทรายทอง) เป็นช่องแคบที่มีน้ำไหลเชี่ยวมาก ช่วงที่แคบที่สุดประมาณ 30 เมตร ตามตำนานเล่าลือกันว่ามีเสือกระโจนข้ามฟากโดยใช้โตรกหินกลางแม่น้ำ (เบื้องล่างคือ แม่น้ำแยงซีเกียง ที่ไหลผ่านโตรกเขาอย่างเชี่ยวกราก และรุนแรง)
18.00 น. เข้าพักโรงแรม 2 ดาวและรับประทานอาหารเย็น แล้วนำคณะไปดูโชว์ทิเบต
วันที่ 7 จงเตี้ยน – เต๋อชิง - ธารน้ำแข็งเหม่ยหลี่ ระยะทาง 230 กม.
08.00 น. ออกเดินทางไปเมืองเต๋อชิง ระหว่างทางแวะชมโค้งแม่น้ำแยงซีเจียง 300 องศา จะผ่านจุดที่สูงที่สุดของเส้นทาง 4,300 –4,400 เมตร (อาจจะมีหิมะหลงเหลือบนไหล่ทางให้ท่านได้ชม)
12 00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทาง จากนั้นนำท่านเดินทางผ่าน ภูเขาหิมะเหม่ยลี่ เป็นเทือกเขาหิมะที่กั้นพรมแดนระหว่างยูนานกับทิเบตเขาเหม่ยลี่มียอดสูง 13 ยอด เรียกว่า ยอดเขาโอรสสวรรค์ (Taizi Shisan Feng) ยอดเขาสูงสุดที่ 6,000 เมตร ชื่อคาเกอโบ(Kagebo)ซึ่งนับเป็น 1 ใน 8 ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ ของชาวทิเบตที่ชาวทิเบตปรารถนาจะมาแสวงบุญ อย่างน้อยก็ครั้งนึงในชีวิตหากนับทิเบตเป็นหลังคาโลก เทือกเขาเหม่ยลี่ก็นับเป็นชายคาเพราะเป็นส่วนขอบของเทือกเขาหิมาลัยฝั่งจีน เมืองเต๋อชิงสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,400 เมตรมีสภาพอากาศหนาวเย็น ให้ท่านได้แวะถ่ายรูป
17.00 น. เดินทางถึงเมืองเต๋อชิง พร้อมพักค้างคืนที่โรงแรมระดับ 2 ดาวและรับประทานอาหารค่ำ
วันที่ 8 ธารน้ำแข็งเหม่ยหลี่ - เต๋อชิง - จงเตี้ยน ระยะทาง 230 กม.
08.00 น. ออกเดินทางไปที่ทางขึ้นภูเขาเหม่ยลี่ทุกท่านจะได้ขี่ม้าขึ้นยอดเขาจะมีชาวทิเบตเดินจูงสำหรับท่านที่ขี่ไม่เป็นข้างบนจะมียอดเขาที่สูงมากชื่อยอดภูเขาเหม่ยลี่มีความสูง 6,740 เมตรเป็นธารน้ำแข็งแต่จุดที่เราไปจะไปชมที่ธารน้ำแข็งพันปี ใช้เวลาขี่ม้าขึ้นและลงประมาณ4ชม.หลังจากนั้นนำท่านเดินทางไปยังหุบเขาหมิงหย่งโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชั่วโมงถึงบริเวณหน้าผานำท่านขี่ม้าขึ้นเขาไปจนถึงหุบเขาหมิงหย่ง หรือ ธารน้ำแข็งหมิงหย่ง เป็นธารน้ำแข็งยาว 12 กิโลเมตร ตั้งอยู่ด้านข้างยอดเขากาวาคาโป เป็นธารน้ำแข็งที่อยู่ระดับต่ำสุดในโลกแห่งหนึ่ง บริเวณใกล้เคียงเป็นโตรกแม่น้ำหลันชาง ชาวทิเบตถือว่าเป็นธารน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองจงเตี้ยน หรือแชงกรีล่า ตั้งอยู่บนภูเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,350 เมตร อดีตเมืองจงเตี้ยนแห่งนี้เคยเป็นดินแดนของทิเบตอันเป็นสถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนกับดินแดนนี้ลี้ลับสุดขอบฟ้า ตลอดทางชมที่ราบสู่ยูนานหุบเขาสลับซับซ้อนและยอดเขาหิมะอันงดงาม
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พักระดับ 3 ดาว
วันที่9 จงเตี้ยน (แชงกรีล่า) – ลี้เจียง (200 กม.)
07.00 น. หลังอาหารเช้า นำคณะชม วัดซงจ้านหลิน หรือ วัดโปตาลาน้อย เป็นวัดลามะที่ใหญ่ที่สุดในยูนนาน ซึ่งเป็นที่มี
สถาปัตยกรรมแบบธิเบต ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาฝอปิง ห่างจากเมืองจงเตี้ยนไปทางเหนือ 4 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1679
เป็นวัดลามะที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี มีพระลามะจำพรรษาอยู่กว่า 700 รูป สร้างขึ้นโดยตะไลลามะองค์ที่ 5 ซึ่งใกล้เคียง
กับสมัยอยุธยาตอนต้นในช่วงศตวรรษที่ 18 สมัยจักรพรรดิ์คังซี แห่งราชวงศ์ชิงได้มีการซ่อมแซมต่อเติมอีกหลายครั้ง โครงสร้างของวัดแห่งนี้สร้างตามแบบพระราชวังโปตาลา ในเมืองลาซา (ทิเบต) มีหอประชุมหลัก 2 ห้อง และโอบล้อมไปด้วยห้องพักสำหรับพระกว่า 100 ห้อง นอกจากนี้ยังมีโบราณวัตถุอีกมากมาย รวมทั้งรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด จากนั้นขับรถไต่ผ่านหุบเขาที่น่าหวาดเสียว แต่ความงามจะประทับใจไม่รู้ลืม ระหว่างทางแวะชม สะพานแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ซึ่งจะเห็นสะพานเก่าเป็นสะพานแขวน ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ขนานกับสะพานคอนกรีตใหม่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน จากนั้น นำคณะขึ้นกระเช้าลอยฟ้าสู่ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน ที่ทางการจีนเพิ่งเปิดให้ใช้บริการกระเช้าได้ไม่นาน สัมผัสวิวทิวทัศน์โดยรอบที่มีความงดงามมาก จะเห็นเทือกเขาหลายๆ ลูกบริเวณกว้างไกล ชมวิวเมืองจงเตี้ยน ที่โอบล้อมด้วยหุบเขาสูงตระหง่านงดงามยิ่งนัก โดยเฉพาะเทือกเขาย่าติง เขาฮาปา และอีหลง เพราะกระเช้ามีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,500 เมตร ระยะความยาวของระยะทางกระเช้า 3,285 เมตร หลังจากนั้นเดินทางสู่ลี่เจียง
12.00 น. แวะรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง และแวะชม หุบเหวเสือกระโจน หรือช่องแคบเสือกระโดด เป็นช่องแคบหุบ
เขาลึกที่สุดในโลก ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และช่องแคบช่วงแม่น้ำแยงซี ไหลลงมาจากจินซาเจียง (แม่น้ำทรายทอง) เป็นช่อง
แคบที่มีน้ำไหลเชี่ยวมาก ช่วงที่แคบที่สุดประมาณ 30 เมตร ตามตำนานเล่าลือกันว่ามีเสือกระโจนข้ามฟากโดยใช้โตรก
หินกลางแม่น้ำ (เบื้องล่างคือ แม่น้ำแยงซีเกียง ที่ไหลผ่านโตรกเขาอย่างเชี่ยวกราก และรุนแรง)
16.00 น. ถึง เมืองลี่เจียง แล้วนำคณะเข้าที่พัก โรงแรม 2 ดาวและปล่อยอิสระ
19.00 น. บริการอาหารค่ำ ปล่อยท่านเดินเล่น จากนั้นพักผ่อนหรือเที่ยวราตรีตามอัธยาศัย
วันที่ 10 เที่ยวเมืองลี้เจียง
07.00 น. อาหารเช้า
08.00 น. นำคณะขับรถไปจอดรถบริเวณ ทุ่งราบหวินซานผิง เป็นทุ่งหญ้าที่เขียวขจี อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 3,000 เมตร ซึ่งท่าน
สามารถชื่นชมธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยขุนเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และในบางครั้งยังสามารถชื่นชมกับฝูงจามรีที่กินหญ้าอยู่บริเวณท้องทุ่งในทัศนียภาพของธรรมชาติที่งดงาม หลังจากนั้นนำท่านนั่งกระเช้าไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อขึ้นสู่ ยอดเขาหิมะมังกรหยก ชมความอลังการของยอดเขาสูงถึง 5,590 เมตร บนยอดเขาจะเห็นหิมะ ป่าต้นสนนับพันปี สวนบ่อน้ำมังกรดำ และธารน้ำแข็ง มีบริการ เล่นห่วงยางสไลด์บนหิมะ ค่าใช้จ่ายคนละ20หยวน
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
14.00 น. จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเพื่อเที่ยวชมความงามของชมสระมังกรดำ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะน้ำในบึงมังกรดำใสสะอาด
ซึ่งเป็นน้ำที่ละลายจากภูเขาหิมะบริเวณภูเขามังกรหยกที่ซึมลงในทะเลทราย และมาผุดที่บึงมังกรเป็นตาน้ำนับร้อยปี เก๋งจีน สะพานโค้งหินอ่อนเก่าแก่ มีภูเขาหิมะมังกรหยกอันงดงามเป็นฉากหลัง เมืองโบราณต้าเอี้ยนเจิ้น หรือ เมืองเก่าลี่เจียง และ ชมความงามของเมืองโบราณที่มีประวัติยาวนานมากว่า 800 ปี ซึ่งยังคงความงามในอดีตไว้อย่างสมบูรณ์ เช่น อาคารไม้แบบจีนโบราณ ต้นหลิวริมธารที่ยังคงปลิวไปมาตามสายลม ลำธารน้ำที่ไหลผ่านเมืองแห่งนี้ ด้วยความสวยงามเหล่านี้ทำให้เมืองโบราณลี่เจียงได้ถูกบันทึกเป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม โดยองค์การ UNESCO ได้ประกาศเมื่อ ค.ศ.1987
18.00 น. กลับเข้าที่พักโรงแรม เดิม
19.00 น. อาหารค่ำ และพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่ 11 ลี่เจียง – ยู่ซี (580 กม.)
08.00 น. ออกเดินทางมุ่งหน้าย้อนกลับทางเดิมสู่เมืองคุนหมิงและยู่ซี
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น. ออกเดินทางขึ้นทางด่วนผ่านเมืองคุณหมิง
18.30 น. ถึงเมืองยู่ซีเข้าพักโรงแรม ระดับ 2 ดาว พร้อมรับประทานอาหารค่ำ
วันที่ 12 ยู่ซี – สิบสองปันนา (500 กม.)
08.00 น. ออกเดินทางสู่สิบสองปันนา
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
16.00 น. ถึงเมืองสิบสองปันนาเข้าที่พักโรงแรมระดับ 2 ดาว และปล่อยเดินเล่น
19.00 น. อาหารค่ำ และพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่13 สวนป่าดงดิบ¬ – สวนม่านทิง - เจดีย์แปดเหลี่ยม
08.00 น. เดินทางไปชม “สวนป่าดงดิบ” ซึ่งมีต้นไม้นานาชนิดเหมือนเมืองไทย หลังจากนั้นนำท่านเข้าชมหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่างๆ
พร้อมชมนกยูง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวสิบสองปันนา เมื่อได้ยินเสียงนกหวีด นกยูงจะบินออกเป็นร้อยๆ ตัวออกมากินอาหาร หลังจากกินอาหารเสร็จแล้วก็จะบินกลับสู่ป่าเขตร้อนด้วยความเคยชิน หลังจากนั้นจะนำท่านเข้าชมการแสดงของสัตว์ต่าง ๆ เช่น เสือ สิงโต และหมีที่ฉลาดและแสนรู้
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
14.00 น. หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “สวนม่านทิง” ซึ่งเป็นสวนที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง เที่ยวชม อนุสาวรีย์โจวเอินไหล ชม
ต้นไม้ที่พระพี่นางฯ ทรงปลูกไว้ดูสวนนกยูง ชมเจดีย์แปดเหลี่ยม ที่สวยงามซึ่งสร้างขึ้นใน ปี ค.ศ. 1701 ซึ่งเป็น สถาปัตยากรรมที่ผสมผสานเข้ากันระหว่างไทยใหญ่กับเรา เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าวัฒนธรรมของเผ่าไทยใหญ่ และชาวไทยใกล้ชิดกันมาก หลังจากนั้นชม “วัดหลวงเมืองลื้อ” วัดเถรวาทในเมืองสิบสองปันนา ซึ่งบริษัทพัฒนาการท่องเที่ยวหยวนห้าว จำกัด สิบสองปันนา ยูนนาน ได้ทุ่มเงินลงทุนเองถึง 350 ล้านหยวน เพื่อสร้างวัดนิกายหินยานหรือเถรวาท และพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในแถบนี้ มาตั้งแต่ปี 2548 อีกทั้งสถานที่นี้ยังเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยศาสนาพุทธสิบสองปันนาที่ใหญ่ที่สุด เพื่อใช้เป็นที่ศึกษาวิจัยศาสนาพุทธนิกายเถรวาท และท้ายสุด จะเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมศาสนาพุทธ
16.00 น. จากนั้นนำท่านเที่ยวชม “สถานยาสมุนไพร” ไทลื้อ เลือกซื้อยาสมุนไพร และแพทย์แผนโบราณ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อกับการนวดฝ่าเท้าฟรี และแช่น้ำอุ่น เพื่อให้หายเมื่อย
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ปล่อยเดินเล่นถนนคนเดิน
21.00 น. เดินทางกลับสู่โรงแรม พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่ 14 สิบสองปันนา – หลวงน้ำทา – เชียงของ ระยะทาง 420 กม.
06.00 น. ออกเดินทางตามเส้นทางเดิมสู่ชายแดนด่านโมฮังพร้อมตรวจเอกสารหลังเสร็จพิธีการแล้วออกเดินทางต่อสู่เชียงของ
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน อาหารกล่อง
14.00 น. พร้อมทำเอกสารที่ชายแดนฝั่งลาวและนำรถลงแพขนานยนต์ผ่านขั้นตอนการเข้าเมืองไทย
15.30 น. เข้าสู่ประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ สิ้นสุดการบริการ
เอกสารประกอบการเดินทาง
1. หนังสือเดินทางตัวจริง พร้อมสำเนา 3 ชุด ก่อนหมดอายุ 6 เดือน พร้อมหน้าเหลือประทับตรา
2. รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 ใบ (ฉากด้านหลังรูปต้องสีฟ้า)
3. สำเนาทะเบียนรถ 3 ชุด
3.1 กรณีรถที่ติดไฟแนนซ์ หรือเป็นชื่อบุคคลอื่นต้องมีหนังสือมอบอำนาจถูกต้อง
3.2 กรณีไม่ติดไฟแนนซ์ต้องนำสมุดจดทะเบียนตัวจริงไปด้วย
4. สำเนาใบขับขี่ 3 ชุด
5. หนังสืออนุญาตรถยนต์ระหว่างประเทศ ( เล่มสีม่วงทำที่ขนส่ง)