ตอนนี้ผมกลายเป็นผู้อพยพเต็มตัวแล้วครับ ขณะนี้พักพิงอยู่ที่สระบุรี
ผมตัดสินใจหนีออกจาก แจ้งวัฒนะ 14 ในกลางดึกวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก
จากที่มั่นใจว่า ที่ผมสูงกว่า ถนนแจ้งวัฒนะ 50 ซม. และเตรียมการรับมือไว้อีก 50 ซม. จึงตั้งใจว่า จะอยู่สู้ เพราะผมมั่นใจว่า ถนนแจ้งวัฒนะ จะท่วมไม่ถึงเมตร แถมระรอกแรกที่โดนไปก่อนก็ทำได้แค่ระดับข้อเท้า รอบสองผมรู้ว่ามันมาแน่ และตั้งใจว่าจะตัดสินใจออกในเช้าวันที่ 31 แต่......
สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ ในคืนวันที่ 30 น้ำท่วมถนนในหมู่บ้านเร็วกว่าครั้งที่แล้วมาก และมันเข้าบ้านได้จากใต้ดิน น้ำมันซึมขึ้นมาตามรอยวงกบประตูและเสาคานที่ทำใหม่ ทำนบกระสอบทรายที่เตรียมการมาเป็นเดือน ไร้ประโยชน์ในทันที แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือ น้ำที่ไหลเอ่อเข้ามานั้น เป็นน้ำเน่าและน้ำบ่อเกรอะทั้งสิ้น
ผมตัดสินใจออกไปดูสถานการน้ำที่ปากซอยอีกครั้งและพบว่า ครั้งนี้น้ำมาเร็วและขึ้นไม่หยุด หากไม่ออกตอนนี้ Jeep Cheroky ก็คงจะออกไปไม่ได้ จึงกลับมาบอกให้แม่และน้องเก็บของทันที ในเวลาเที่ยงคืน ส่วนผมต้องลุยน้ำขนสัมภาระไปเก็บที่รถซึ่งจอดอยู่ท้ายซอยห่างไปราว 250 เมตร จนทุกอย่างพร้อม จึงได้ออกเดินทางเวลาเกือบตีสาม
Jeep Cheroky สภาพแตนๆ เกือบไม่รอดที่ระดับน้ำ 60-70 ซม. เข้าเกียร์1-2 เหยียบคันเร่งที่ 2000 รอบ ยังเกือบดับเพราะท่อไอเสียจมน้ำไปแล้ว จึงต้องยอมโดนชาวบ้านด่าเพราะไม่มีทางเลือก ในเวลานั้น ถนนแจ้งวัฒนะเลนซ้ายน้ำลึกกว่า 40 ซม. และต้องเจอ 50 ซม. ในบางช่วง จนข้ามสะพานข้ามคลองประปาได้ ก็รู้สึกโล่งอกเมื่อฝั่งปากเกร็ดถนนแห้งไม่มีน้ำสักหยด
ผมวิ่งขึ้นทางด่วนขั้นที่สอง แล้วเข้ามอเตอร์เวย์ ออกบางปะกง เข้าพักโรงแรมในตัวเมืองฉะเชิงเทรา ในเวลาตีสี่ครึ่ง จนเที่ยงของวันจันทร์จึงได้ออกเดินทางต่อ วิ่งเส้น พนมสารคาม-ปราจีนบุรี-นครนายก-วิหารแดง-หินกอง ถึงที่หมายตัวเมืองสระบุรีโดยสวัสดิภาพ
พี่น้องท่านใดที่ลังเลอยู่ก็ขอให้ออกจากพื้นทีไปเลยครับ อย่าลืมว่า แม้น้ำไม่ท่วมบ้านแต่ถ้า ต้องจมอยู่ท่ามกลางน้ำเน่าคงจะไม่สวยแน่ๆ ทั้งอาหารการกิน การอยู่ที่อาจจะโดนตัดน้ำตัดไฟได้ทุกเมือ(ยกเว้นจะอยู่ใกล้โรงพยาบาล) ทรัพย์สินของนอกกาย ถ้าเป็นห่วงมันก็ขอให้ขนออกไปตั้งแต่มีโอกาส เพราะเมื่อถึงเวลาฉุกลหุกก็จะหยิบอะไรแทบไม่ได้เลยครับ
ขอให้ทุกท่านปลอดภัยครับ
ปล. ข่าวล่าสุด คาดว่าตอนนี้ เจ้าฟ้าฟื้นคงจะจมสักครึ่งล้อ .... พ่อขอโทษนะลูก...พ่อจำเป็น.....