หลักการพื้นฐาน
หลักการง่าย ๆ สำหรับการที่จะทำให้รถยนต์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพนั้น ก็คล้าย ๆ กับคนนั่นแหละครับ คือต้องมีอาหารให้กินอย่างเพียงพอ มีอากาศให้หายใจอย่างพอเพียง และมีการขับถ่ายของเสียในระดับที่เหมาะสม หรือพูดกันคล่อง ๆ ปากว่า “กินง่าย หายใจคล่อง และถ่ายสะดวก” นั่นเอง
ความหมายของประโยคข้างต้นนั้นในเชิงช่างก็คือ ต้องมีปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งเข้าไปยังห้องเผาไหม้เพียงพอ มีปริมาณอากาศที่มากพอที่จะเผาไหม้เชื้อเพลิงนั้นได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งยังต้องมีอัตราการระบายไอเสียที่เหมาะสมด้วย
หลักการนี้...ใช้ได้ตั้งแต่รถแต่งระดับต้นไปจนถึงระดับสูงเลยนะครับ !!!
แล้วการที่จะทำให้เกิดสิ่งที่กล่าวมานั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากนะครับ หากเป็นรถปกติที่ไม่ได้ตกแต่งอะไรเลย ก็แค่คอยตรวจเช็คท่อทางน้ำมัน และอากาศต่าง ๆ ทั้งไอดี และไอเสียไม่ให้มีรอยรั่ว หมั่นนำกรองอากาศมาเป่าไล่ฝุ่น และเปลี่ยนกรองอากาศตัวใหม่เมื่อถึงระยะเวลา หมั่นตรวจเช็คกรองน้ำมันเชื้อเพลิงว่ามีฝุ่นละออง หรือน้ำเข้ามามากหรือยัง ถ้ามากก็จัดการเปลี่ยนตัวใหม่เสีย ก็จะทำให้ระบบน้ำมัน และระบบไอดี ไอเสียสมบูรณ์ เครื่องทำงานได้เต็มที่ตามสมควรครับ
สังเกตไม๊ครับว่าผมใช้คำว่า “เครื่องทำงานได้เต็มที่ตามสมควร” ซึ่งฟังดูแปลก ๆ แต่จริง ๆ แล้วผมหมายความตามที่ว่าจริง ๆ ครับ เพราะเครื่องยนต์ทุกเครื่องจะได้รับการออกแบบ และกำหนดแรงม้า แรงบิดมาโดยให้มีค่าความปลอดภัย หรือ Safety Factor อยู่พอสมควร เพื่อให้เครื่องยนต์มีอายุยาวนานขึ้น ดังนั้นการดูแลรักษาตามปกติ จึงสามารถเรียกแรงม้า แรงบิด ออกมาได้เพียงเท่าที่มีการกำหนดเอาไว้เท่านั้น เพียงแต่ว่าการดูแลรักษาตามปกติดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น จะทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้ในระดับที่ไม่ “ตกลง” กว่าเดิมนั่นเอง
ดังนั้นหากต้องการให้แรงกว่าเดิม ก็ต้องมีการ “ตกแต่ง” เปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนบางอย่างกันไปบ้าง เพื่อให้สามารถทำงานได้ “ดี” กว่าเดิม หรือเพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้ในระดับที่ขยับชิด “เรดไลน์” หรือขีดจำกัดของ Safety Factor ที่กล่าวไปแล้วมากขึ้น
เริ่มต้นการตกแต่ง
เอาล่ะครับ ทีนี้...ก็เข้ามาในเรื่องของการตกแต่งกันแล้วล่ะ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นแต่งรถนั้น หากไม่ใช่พวกเงินถุง เงินถัง จับรถมาโมฯกันแบบเต็ม ๆ แล้วล่ะก็ ผมพอจะแนะนำวิธีการง่าย ๆ สำหรับการเพิ่มแรงม้าให้มากขึ้นอีกนิดหน่อยด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่มี มูลค่าไม่สูงมากได้ครับ
ก็อย่างที่เกริ่นกันไปเสียยาวยืดในตอนต้นเกี่ยวกับระบบอากาศนั่นแหละครับ วิธีการเพิ่มความแรงที่ง่ายที่สุดก็อยู่ตรงนี้แหละครับ
เดากันออกรึยังครับว่าอะไร...ถู...ถู...ถูกต้องนะคร๊าบ..บบบบ
สิ่งนั้นก็คือ “กรองอากาศ” นั่นเองครับ..ก่อนอื่นต้องอธิบายกันสักนิดนะครับ สำหรับมือใหม่ซิง ๆ กรองอากาศแบบที่เป็นสแตนดาร์ดติดรถมานั้น ส่วนใหญ่จะทำจากเยื่อกระดาษบาง ๆ ที่มีคุณสมบัติยอมให้อากาศไหลผ่านได้ โดยจะดักจับฝุ่นละอองที่ติดมากับอากาศเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองหลุดเข้าไปในเครื่องยนต์ของเรา
ทีนี้ข้อเสียของกรองอากาศชนิดนี้ก็คือการยอมให้อากาศไหลผ่านน้อยเกินไปหน่อย เนื่องจากถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นละอองค่อนข้างสูง เพื่อถนอมเครื่องยนต์เอาไว้ให้ได้มากที่สุด ดังนั้น ปริมาณอากาศที่ไหลผ่านกรองอากาศเข้าไปสู่ห้องเผาไหม้จึงน้อยลงไปด้วย แถมบางครั้งถ้าปล่อยให้ฝุ่นเกาะจนตันก็ยิ่งไปกันใหญ่
ดังนั้นหากต้องการให้รถของคุณหายใจได้คล่องขึ้น ก็จะต้องหากรองอากาศอันใหม่มาใส่ให้รถของคุณ ซึ่งก็คือกรองอากาศแบบไฮเปอร์ฟอร์มาน หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า “กรองเปลือย” นั่นเองครับ
กรองเปลือยคืออะไร ? กรองเปลือยก็คือกรองอากาศที่ถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพในการยอมให้อากาศ ไหลผ่านมากกว่ากรองอากาศแบบสแตนดาร์ดติดรถ โดยมีวัสดุ และการดีไซน์รูปร่างหน้าตาหลากหลายรูปแบบเพื่อให้มีคุณสมบัติแตกต่างกันออก ไป
สำหรับกรองเปลือยแบบแรกที่ผมอยากจะแนะนำให้ใช้กันก็คือ กรองเปลือยทรงมาตรฐาน ซึ่งคำว่าทรงมาตรฐานนี้ หมายถึงมาตรฐานของกรองอากาศที่ติดรถนะครับ บางคนก็เรียกกันว่ากรองเปลือยแบบรีฟิล ซึ่งกรองเปลือยแบบนี้ใช้งานง่ายที่สุด ก็คือถอดกรองเก่าออก แล้วก็จับกรองเปลือยแบบนี้ใส่เข้าไปแทนที่ได้ทันที ไม่ต้องดัดแปลงอะไรกับเครื่องยนต์ทั้งสิ้น
โดยความแตกต่างของกรองอากาศแบบกรองเปลือยทรงมาตรฐาน กับกรองอากาศแบบมาตรฐานติดรถนั้น ก็จะแตกต่างกันแค่เรื่องของวัสดุที่ใช้ผลิตเท่านั้น รูปแบบดีไซน์ยังเหมือนเดิม แต่จะเปลี่ยนวัสดุเป็นผ้าใยสังเคราะห์ที่ยอมให้อากาศไหลผ่านได้คล่องกว่า
สิ่งที่ได้จากการเปลี่ยนมาใช้กรองเปลือยแบบนี้ก็คือปริมาณอากาศที่เพิ่มมาก ขึ้นนั่นเอง ซึ่งก็จะส่งผลให้อัตราเร่งในช่วงรอบต้น ๆ ดีขึ้นนิดหน่อย ซึ่งก็ต้องบอกกันตรง ๆ นะครับว่านิดหน่อยจริง ๆ แต่ถ้าคุณขับรถของคุณเป็นประจำก็คงจะรู้สึกได้ทันที ส่วนในช่วงรอบปลาย ๆ ก็จะมีอาการคล้าย ๆ กับคุณขับรถที่เพิ่งเปลี่ยนกรองอากาศมาใหม่ ๆ ตลอดเวลานั่นแหละครับ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากข้อจำกัดอื่น ๆ อีกหลายอย่างนะครับ ไม่ว่าจะเป็นขนาดท่อทางเดินอากาศ ช่องรับอากาศเข้า แม้แต่อุณหภูมิของอากาศ
การที่จะทำให้รถแรงขึ้นมาก ๆ เพียงแค่การเปลี่ยนกรองอากาศตัวเดียวมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วครับ !!!
ฉบับ นี้..พื้นที่หมด ฉบับหน้ามาเจาะเรื่องของกรองอากาศกันต่อให้หมดเปลือกไปเลยนะครับ...หลังจาก นั้นผมก็จะทยอยเล่ากันไปเรื่อย ๆ ถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่จะทำให้รถแรงขึ้น ซึ่งหากเอามารวม ๆ กันก็จะได้ม้ามาเพิ่มอีกไม่น้อยเลยล่ะครับ
จาก
www.carbyyou.comครับ