สวัสดีครับ.. หลังจากที่ คิดอยู่นานว่า จะทำกระทู้ใหม่เลยหรือว่า จะมาต่อที่ในกระทู้นี้ดี....
สุดท้ายคิดว่า มาต่อที่กระทู้นี้ดีกว่า จะได้ รวบรวมให้มันอยู่ในหัวเรื่องเดียวกันครับ...
รอบนี้ ยังอยู่ที่
ระบบช่วงล่างครับ เพราะว่าผมถือว่า
เป็นสิ่งที่ทำให้รถ ที่เครื่องแรงน้อยกว่า สามารถไปได้เร็วกว่า รถที่มีเครื่องแรงกว่าได้สิ่งที่จะมา เล่าสู่กันฟังคือ เหล็กกันโครงครับ
ประโยชน์ของมันคือลดอาการโยนตัวของช่วงล่างและทำให้รถทรงตัวได้ดีขึ้นครับ
ผมเป็นคนที่น่าจะได้ใช้เหล็กกันโครง ทุกรุ่น ของ corsa ถ้าไม่นับของแต่งนะครับ นับตั้งแต่...
ไม่มีเหล็กกันโครงเลย ( corsa city )
เหล็กกันโครงไซท์ปรกติของบ้านเรา ( corsa เครื่อง c14nz ที่มีในบ้านเรา ) ขนาดเท่าไรจำไม่ได้ล่ะ แต่ว่าประมาณ นิ้วก้อย
เหล็กกันโครงตัวนอก ( corsa ที่ขายตามเชียงกง ) ขนาดเท่าไรก็จำไม่ได้เช่นกันแต่ว่าขนาดประมาณ นิ้วชี้
เหล็กกันโครง corsa Gsi ขาาด 24 mm ประมาณนิ้วโป้งครับ
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า รถผมเจ้าชิโรโร่ ตอนที่ไปชนมาแล้วต้องเปลี่ยนตัด ศอกหน้า พร้อมทั้งปีกนกและหนวดกุ้ง ผมใช้ ของเชียงกงครับ มันเลยได้ตัว เหล็กกันโครง ตัวนอกมาด้วย แต่ว่าเป็นไซท์กลางนะครับ ไม่ใช่ Gsi แบบที่เคยใส่อยู่
แต่่ว่า ด้วยความที่ว่าไม่อยากใช้เลย ใส่ตัวกัน โครง Gsi ซึ่งมันเบี้ยวตอนชน แต่ว่าอู่สีไม่ได้บอกผม เขาท่าจะไม่รู้
พอมันเบี้ยว เวลาที่ขับ มันจะมีเสียง ก๊อกๆ ใต้รถฮะมาขึ้นฮ้อยถึงรู้เลยถอดออก วิ่งตัวเปล่า
ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่า ไอ้กันโครง Gsi เนี้ยมันดีกว่าเก่ายังไงเพราะว่าใส่เลยตั้งแต่ตอนวางเครื่อง 2000 แลยไม่มีตัวเปรียบเทียบ จนได้มาลองถอดออกแล้ววิ่งใช้งานนี่แหละครับ...
จึงได้รู้ว่า เวลาที่ไม่มีเหล็กกันโครงเนี้ย รถผมโคตรนุ่มเลย... ขับไม่เด้งๆ ความรู้สึกของพื้นถนนมันิาจจะไม่คมเหมือนเดิม ( รถผมเบาะคนขับเป็นหลังแข็งครับ เจออะไรรู้หมด) แต่ขับสบายครับ เดินทางไกล ไปเรื่อยๆ ไม่รีบไม่มุดก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ตรงกันข้าม กลายเป็นว่า มันไม่เมื่อยครับ ไม่ต้อง จับความรู้สึกถนนตลอดเวลา เพราะว่าการตอบสนองของช่วงล่างยืดหยุ่นขึ้น เวลาที่มุด ก็มุดได้ครับ แต่ว่า เวลากระชากรถ จะตอบสนองช้าลงไปนิดนึง สัก 1/2 วิ (บางคนอาจจะบอกว่า เวอร์หรือเปล่าแต่ว่า 1 วินาทีรถเคลื่อนที่ 60 km/h ได้ 16.6 เมตรนะครับ ในช่วงคับขัน เสี้ยววินาทีมีความหมายครับ อีก 5 cm จะชนอยู่แล้ว กับ ถ้าได้อีก 5 cm จะไม่ชน ค่าซอมต่างกันหลายอยู่ครับ ) เนื่องจากพอรถมันช่วงล่างยุบตัวได้มากขึ้น มันเลยใช้เวลาคืนตัวก่อนที่จะกระชากรถมากขึ้นตามไปด้วย
แต่ว่าไม่ใ่ช่ว่า ให้ใครที่มี ถอดออกนะครับ มีน่ะดีแล้วครับ มันก็ไม่ได้กระด้างน้อยต่างจาก ของเดิมๆติดรถเท่าไรครับ ผมเทียบกับ ตัว Gsi มันลยต่างมากอยู่ึีครับ....
มาต่อกันที่ตัวกันโคลงตัวนอกบ้าง 16v (ของตัวบ้านเราผมข้ามเลยนะครับ เพราะว่า ลองตอนที่มันอญุ่กับชิโรโร่แปบเดียวก่อนวางเครื่อง)
ตัวนี้ผมใส่หลังจาก ถอดกันโครง Gsi ออกแล้ววิ่งตัวเปล่าประมาณ 15 วันครับ การตอบสนองของช่วงล่าง กระชับกว่าเดิม ไม่กระด้างมาก ขับถนนสบายๆครับ คาดว่าน่าจะดีกว่า ตัว เดิมติดรถพอสมควรครับ ผมใช้ตัวนี้ อยู่พักใหญ่ๆ ลงสนาม แก่งกระจานก็ตัวนี้
ผมว่าเป็นตัวกันโคลงที่ พอดีกับถนนบ้านเรามากที่สุดครับ ถนนเลวยังกะดวงจันทร์ ไม่กระด้างไปไม่นุ่มไป ขับยังสบายอยู่ครับ
แล้วก็ตัวสุดท้าย ที่ใส่อยู่ตอนนี้ ของ Gsi ครับ กระชับมาก อย่างเห็นได้ชัด เข้าขั้นเด้งกระเทือนตลอด การตอบสนองของช่วงล่างคมขึ้นมาเยอะครับ ถ้าคนที่ไม่เคยขับรถผมอาจจะเข้าขั้นรำคารได้
หลังจากที่ได้ไปทดสอบที่อ.ปายมาเมื่อวาน เข้าโค้ง ยัดได้ครับ แต่ว่า ก็ไปแก้อาการเอาในโค้งถ้าถนนมันเป็นลอนๆคลื่นๆ ซึ่งเยอะมากๆ แต่ผมว่า ถ้าเทียบกับตัว 16v ผมว่า ตัว 16v คนทั่วไปขับน่าจะเครียสน้อยกว่าครับ ตัว Gsi เวลามันเจออะไร ช่วงล่างมัน บอกหมดเลย เราต้องรับความรู้สึกของถนนนั้นทั้งหมดแม้ว่าจะไม่จำเป็นก็ตาม (นึกถึงเวลาขับโกคาทร์ครับ ขับ 15 นาที เมื่อยกันไป 3 วัน)
ถ้าถามผมว่า มันจำเป็นไหมที่ผมต้องใช้ ตัว Gsi ผมว่า ด้วยนิสัยการขับของผม ผมจำเป็นครับ ช่วงล่างทำมาแล้ว เบรคทำมาแล้ว มันจะเป็นส่วนที่เสริมให้ทุกส่วนทำงานประสานกันได้ดีขึ้นในสนามครับ (แต่บนถนนผมว่า ตัว 16v ขับง่ายกว่าแม้ว่าความกระชับสู้ Gsi ไม่ได้ก็ตาม เพราะว่า เราม่ได้รีบมุดไปมุดมาตลอดเวลานิครับ)
ผมเองก็สงสัยว่า ทำไมหลายๆคนถึงได้อยากได้ กันโครงตัว Gsi กันนัก ไม่รู้เพราะว่ามันหายากหรือไม่ หรือว่าอยากไ้ด้อะไรก็ได้ที่มัน เป็นของตัวท๊อป หรือว่าเป็นของแต่ง โดยไม่ได้ดูว่าลักษณะการใช้งานทั่วไปของเรามันเหมาะสมหรือไม่ บางอย่างยังไม่ทำก็ขับเร็วได้ครับ
รถ corsa เครื่องเดิมๆ ยาง 15 ยาง BF เหล็กกันโครงเดิม ใส่ช่วงล่าง H&R ราคา 6000 กับ โช้ค แก๊สไรเดอร์ ชุดละ 5300 บาท เจ้าของสามารถขับลงอุโมงค์เกษตร ที่ความเร็ว 140 ได้ (ใช้ fullline นะครับ) แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำแบบนั้นได้ทุกคนนะครับ มันอยู่ที่ทักษะการขับด้วย
ผมจึงย้ำบ่อยๆว่า เวลาที่จะใส่อุปกรณ์ให้กับรถของเราเนี้ย ให้ดูก่อนว่า เราจะทำรถแนวไหน - อะไรจำเป้นบ้าง - แล้วเริ่มจากอะไร เช่น
อยากทำช่วงล่างให้ขับสนุกขึ้น มุดได้ดีขึ้น แล้วจะมาซื้อเหล็กกันโครง Gsi ราคา 4500 แล้วช่วงล่างเดิมสปริงเดิม ล้อ14 ยางเดิม หรือว่าเป็นล้อ 15 ยางเส้นละไม่ถึง 2000 เนี้ยมันผิดลำดับครับ
ถึงแม้ว่ามันไม่ใช่สูตรสำเร็จนะครับ แต่ว่า
ลำดับการทำแบบที่ไม่เปลืองเงิน โดยใช่เหตุและไม่ต้องซื้อของที่ไม่จำเป็น มันเริ่มแบบนี้ครับ1. อย่างแรกเลย ถ้าคุณอยากจะไปได้เร็วขึ้นต้อง ใช้ ล้อที่เหมาะสมก่อน แน่นอนครับ สำหรับ corsa มันต้องล้อ 15 นิ้วเป็นมาตราฐานครับ จะกว้าง 6.5 หรือ 7 นิ้วก็ว่ากันไป เพระว่า ที่ล้อขนาดเล็กกว่านี้จะไม่มียาง เกรด sport ให้ใช้ครับ อาจจะมีแต่ก็ราคาแพง แก้มยางหนา ไม่เหมาะที่จะขับแบบ sport ครับ
แนะนำว่า ให้ใช้ล้อที่มีคุณภาพหน่อยนะครับ lenso ก็ได้ พวกแม๊ก ไต้หวัน หรือแม๊กก๊อป ไม่ค่อยแนะนำครับ... evo ก๊อป บ้านเรา ผมเห็น สะกิดกำแพงนิดนึง แม๊กแตกเลยครับ คาตาเลย...
จะรักการขับที่มัน รุนแรงขึ้นมันต้องจ่ายมากขึ้นตามไปด้วยนะครับ จ่ายค่าของแต่งที่จำเป็นแพง กับค่าซ่อมรถตอนที่ชน แม้เงินจะเท่ากันผมว่า คงไม่อยากมีใครอยากเสียเงินค่าซ่อมรถตอนที่มันชนไปแล้วครับ ( เหมือนว่าผมจะโดนเ็ต็มๆเลยข้อนี้
)
2. ยางครับ ย้ำกันไปหลายๆรอบ เพราะ่ว่าเสียรถไป 1 คัน เพราะเรื่องยาง... ยางราคา 1500 บาท กับยางเส้นละ 4500 มันใส่รถได้เหมืือนกันแต่ว่า มันไม่เหมือนกันครับ ราคามันเป็นไปตามคุณภาพครับ
ยาง อินโดยางไต้หวัน อะไรมันก็ไส่รถได้ทั้งนั้นครับ แต่ว่า พออุณหภูมิหน้ายางมันสูงขึ้น มันจะเริ่มสูญเสียค่าการเกาะถนนครับ ผมเคยเจอมากับตัว ยางราคาถูก ราคา1850 (ไอ้เส้นที่ทำ ชิโร่ ตายนั้นแหละครับ) วิ่งในสนาม 3 รอบ ยางเริ่มลื่น เข้าโค้งความเร็วปรกติไม่ได้เลย ต้องเข้าช้าๆ เทียบกับยาง sport ราคาถูก(แต่เสียงดัง) ราคา 2300 วิ่งไปเถอะครับ 10 รอบ 20 รอบ มันก็ยัง เข้าได้ แม้ว่าจะต้องเข้าช้าลงกว่าเดิมบ้างแต่ว่า ไม่ได้ต่างกันมาก แบบของถูกๆ
อาจจะบอกว่าผมเอา มาตราฐานในสนามมาวัดไม่ได้เพราะว่า บนถนนมันไม่ได้ชับ แบบนั้น แต่ ความเป็นจริง ถ้าเราขับรถ กลางวันแล้วขับเร็วๆ มุดไปมุดมา เปลี่ยนเลนตลอด มันก็ไม่ได้ต่างกันครับ ในสนาม 3 รอบมัน 5 นาที แต่ว่า บนถนน ขับแบบนั้นสัก 10 นาที มันก็ อุณหภูมิยางพอๆกันแล้วครับ เวลาที่ขึ้น-ลงเขา หรือว่าขับทางไกลก็เช่นกัน เรื่องยางเนี้ย ระหว่างมีไว้เผื่อๆ กับไม่มีแล้วเวลาจะใช้ค่อยวัดดวงเอาเนี้ย... ความปลอดภัยมันต่างกันเยอะครับ.... แต่ไม่ได้บอกให้ไปใช้ยางแพงๆ เกาะโคตรๆ แต่ว่าใช้ได้ 6 เดือนหมด (R-1R) หรือว่า ยางเกรดแข่งกัน หนึบสุดๆ แต่พอเจอน้ำหรือเจอฝน หมุนเป็นลูกข่างนะครับ... ( RE-01R ) มันต้องมีความพอดีครับ
ถ้าไม่รู้ว่า จะใช้อะไร ขึ้นต่ำ ninto ครับ 555 หรือ NEO-JEN ก็ได้ครับ แต่ถ้าคุ้ม สุดตอนนี้ pilot sport 3 ครับ เส้นละ 2600 ยางเงียบ เกาะถนน รีดน้ำดี อายุยืน เป็นยางเริ่มต้นของคนที่อยากจะ ก้าวข้ามกำแพงเดิมๆของการใช้งานรถเราครับ ที่เหลือ ยางแพงยางดีมีหลายยี่ห้อครับ ใช้คุ้มขับคุ้ม ซื้อได้เลยครับ แต่ถ้าจะใส่เอาหล่อ... ก็ได้ครับไม่มีข้อเสียนอกจากเปลืองตังค์
ยาง4เส้น สัมพัสพื้นรวมกัน ประมาณ 1 ตารางฟุต ครับ แต่ว่า มันเป็น 1 ตารางฟุตที่แบ่งระหว่าง ชีวิตที่ต้องจ่ายเงินประกันต่อไป กับ เงินประกันที่คนข้างหลังจะได้เอามาใช้ เลยนะครับเลือกดีๆครับ
โลกเรามีคน 2 ประเภทครับ
1. รอดมาได้แล้วบอกกับคนข้างหลังต่อๆไปว่า ทำอย่างไรถึงรอดมาได้
กับ
2. ไม่มีโอกาสได้บอกครับ ว่าตายยังไง
จบไป 2 ข้อ
จำเอาไว้ก่อนครับ ช่วงล่างเลวยางดี ยังมีโอกาสรอดมันยังพอแก้ได้ เพราะว่า ยางเกาะถนนยังพอเลี้ยวหลบได้ แต่ถ้าช่วงล่างเทพ ยางเลว ยังไงก็ไม่รอดครับ เพราะว่ายางมันไม่เกาะถนน ยังไงมันก็เลี้ยวไม่ได้3. โช้คครับ ถ้า corsa เอาง่ายๆแค่ แก๊สไรเดอร์ชุดละ 5300 หรือว่าจะไปอัดน้ำมัน ลองเล่นๆ ก็ได้ครับ รุ่นอื่น ถ้าไม่มีแก๊สไรเดอร์ อาจจะเป็น มอลโรล อะไรแบบนั้นครับ ที่โช้คมาก่อนสปริง เพราะว่า ถ้าเราไม่เปลี่ยน โช้คให้มันดีขึ้นแล้วเอาโช้คเดิมๆมาใส่สปริงแต่งเลย บางคันมัน เด้งมากๆครับ ขับไม่ได้นะครับ อย่ากระนั้นเลย... ทำตามลำดับดีกว่า สำหรับคนเริ่มต้นนะครับ
ยังมีพวกช่วงล่าง เกรดดีๆ อีกหลายตัวครับ มันจะแบ่งออกเป็น เกรด ถนน และ แข่งขันครับ
เกรดถนน มันจะ ยังมีความนุ่ม ให้ พอรับมือกับถนนเป็นพื้นดาวอังคารของเมืองไทยได้ครับ ไม่ได้กระด้างไปเลย
เกรดแข่งขัน เ้น้นการปรับแต่งให้เหมาะสม (หมายความว่าทำไม่ดีก็วิ่งไม่เอาอ่าวครับ) และเน้นการตอบสนองครับ บางทีเอามาขับบ้านๆ ก็อาจจะกลายเป็นเกวียนได้
4. สปริง ถ้าทำโช้คมาแล้ว ขับแล้วรู้สึกว่า เราเริ่มขับได้เกินลิมิตรถ (อธิบายยาก แต่ว่า คนขับจะรู้ครับ) ก็มาถึงสปริงครับ เป็นที่จำยอมว่า สปริงแต่งมันมักจะเป็นสปริงโหลดเสมอ ผมจะเน้นว่า ไปซื้อของตรงรุ่นเอาเถอะครับ ตัดหรือดัดแปลง มันอันตราย... บางรุ่นมันแปลงใส่ได้ แต่ว่า นน.รถของสปริงที่เราซื้อมาใส่ มัน 1500 กก. เอามาใส่ในรถเรา 1000 กก. มันคงไม่เหมาะสมเท่าไรครับ ยกเว้นว่า เราทำรถไม่ได้เป็นสแตนดาทตามอนุกรมแล้ว เช่นวางเครือง cc มากเกินปรกติ(แบบผม) หรือว่า รถแข่งไปเลย ไม่สนว่าขับถนนจะเป็นยังไง เอาในสนามว่าพอ
โชคดีที่ สปริงแต่งของเราราคาไม่แพงครับ 5-6000 เท่านั้น เอาเงินมาใช้ตรงนี้ ได้ผลกว่าครับ เปลี่ยน 2 อย่างคือ โช้คกับสปริง เห็นผลชัดเจนว่าดีขึ้นแน่ๆ
5. เหล็กกันโครง ตามที่ได้กล่าวไปแล้วครับ ใช้แค่ ตัว 16v ก็พอครับ ถ้าอยากจะให้ตอบสนองดีขึ้น แต่ว่า ไม่ใช้ก็ได้ครับ ประสพการณ์จะบอกเราเองว่า ต้องเปลี่ยนหรือไม่ ควรเปลี่ยนเมื่อจำเป็นครับ ถ้าคิดว่าไม่จำเป็นอย่าพึ่งเปลี่ยนครับ มันต้องแลกมากับการตอบสนองของช่วงล่างที่ดีขึ้น แปลว่า มันจะพูดกับเราชัดขึ้นครับ ว่า หลุม ว่า บ่อ แม้ว่า เราไม่อยากรู้ก็ตาม อาจมีรำคาญได้ อย่างที่บอก (ใส่ gsi ไปนี่ มันจะตะโกนกรอกหูเลยครับ)ไม่อยากรู้ก็ต้องรู้ ต้องตื่นตัวตลอดเวลา
6. บุชยูริเทน อันนี้ เพิ่มการตอบสนองของช่วงล่างและจุดยึดต่างๆ ที่เคยบอกว่า ช่วงล่างมันจะคุยกับเรา คราวนี้มัน คุยผ่านโทรโข่งเลยครับ... อาจจะมีเกวียนน้อยๆได้
เพราะว่า เหตุผลหลักๆนอกจากการตอบสนองคือ พวกลูกยางต่างๆที่ทำจากยาง ถ้าใช้งานแบบโหดๆ มันจะให้ตัวได้เยอะ และเสื่อมสภาพเร้วมากครับ (รถผมเปลี่ยนยางรองเบ้าโช้คปีละ2ชุด)
หลักๆช่วงล่างมันก็ จบที่แถวๆนี้ครับ ต่อไปมันจะเรื่องการปรับตั้งซึ่ง เป็นเทคนิคระดับสูงแล้ว ต้องมานั้งอธิบายแล้วครับ
มาสรุปความสำคัญและหน้าที่นะครับ...
1. ล้อ เพื่อให้สามารถใส่ยาง sport ได้
2. ยาง เพื่อให้ขับได้เร็วขึ้นโดยที่ยังปลอดภัยอยู่
3. โช้ค เพื่อให้รองรับกับสปริงแต่งได้
4. สปริง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ
5. กันโคลง เพื่อให้ระบบช่วงล่างที่ทำไปตอบสนองได้ดีขึ้น
6. บูชยูริเทน เพื่อให้ระบบช่วงล่างที่ทำไปตอบสนองได้ดีขึ้น และยืดอายุการใช้งาน
จะเห็นว่า 1-2 เป็นเรื่องความปลอดภัยพื้นฐานเป็นหลักครับ 3 เพื่อ ให้รองรับ 4 และ 5-6 ทำให้ ระบบโดยรวมดีขึ้นครับ (แต่บางทีก็ไม่จำเป็นขนาดนั้น)
แต่ละคนมีแนวการทำรถของตัวเอง และมีเงินของตัวเองครับ ศึกษาก่อนแล้วค่อยทำ ดีกว่าไปเชื่อคำช่างที่จะเอาแต่ขายของครับ....
ขอให้มีความสุขกับรถที่รักนะครับ