จาร์ยครับ น่าทำHydrogenนะครับ Van ที่เหลือเยอะวางสบาย เป็นตำนานบทใหม่ของ Opel In หรือHybird ก็มีที่วางแบตหลังรถ
H2 ตอนนี้ยังไม่ work อะครับ
อธิบายให้ฟังมั่งจิครับพี่หน่า......ผมงงๆ H2 ทำไมมันยังไม่ Work เห็นมี Ecar คันนึงแถวชลประทานติดว่ารถคันนี้ใช้น้ำ
เอาแบบรวบรัดให้ สาวๆเข้าใจง่ายๆด้วยนะครับ...
แหล่ง พลีงงานในการจุดระเบิดคือ H ไฮโดรเจน และ O ออกซิเจนครับ
เครื่องทำไฮโดรเจนที่มันขายๆกันมันก็ใช้ ไฟฟ้ามาแยกน้ำ ให้ได้ H2 กับ O2 ครับ...
เจ้าเครื่องแยกนี้มันก็สามารถสร้าง H2 ได้ปริมาณสม่ำเสมอครับ สมมุติว่า 100 g ต่อวินาที
แต่ว่าเครื่องยนต์ของเรามัน ต้องการการจ่ายน้ำมันที่รอบต่ำในปริมาณน้อย และรอบสูงที่ปริมาณมากครับ...
ถามตัวเองว่า.... ไอ้่ที่มันจ่ายได้ปริมาณเท่าเดินตลอดน่ะมันจะพอได้ยังไง
เปรียบได้กับ ชอบกินหวาน สั่งก๋วยเตี๋ยว ชามธรรมดา ใส่น้ำตาล 1ช้อน ก็หวานพอดี แต่ถ้าสั่ง พิเศษชามใหญ่ขึ้น เติมน้ำตาล1 ช้อน มันก็รู้สึกว่าหวานไม่พอครับ... ต้องเติมอีก...
ไม่รู้เข้าใจหรือไม่ แต่ต่อไปจะเป็นเรื่องเชิงช่างแล้ว... เพราะว่าตอบแบบง่ายๆให้คิดกันไปแล้วฮะ...
ไอ้เครื่องสร้าง H เนี้ย มันดันเพิ่ม H ในอากาศ รวมถึง O ด้วย (ผมใช้คำย่อแล้วนะครับ) เวลา MAP เราวัดอากาศมันก็จะวัดโดยที่ไม่รู้หรือว่า อากาศนั้นมี H+O มากกว่าปรกติหรือเปล่า มันก็สั่งจ่ายน้ำมันตามปรกติ...
ที่รอบเดินเบา... น้ำมันจ่ายเท่าเดิม แต่มี H+O ในอากาศเพิ่มมากขึ้น มันก็ทำให้ส่วนผสมหนาวิ่งไม่ออกเครื่องจุดระเบิดแปลกๆ
พอรอบกลาง-สูง มันก็จะปรกติ เพราะว่าเจ้าเครื่องนี่มันสร้าง H+O ในสัดส่วนที่น้อยกว่าน้ำมันที่จ่ายแล้วนั้นเอง... ไม่ใช่ว่ามันคิดมานะครับ... แต่ว่ามันผลิตไม่ทัน
ถามว่าทำไมมันประหยัด ก็ลองขับให้ H+O มันผลิตทัน ก็คงต้องรอบไม่เกิน 2000-2500 ครับ....
แล้วถามหน่อยว่า ถ้าอยากขับแบบประหยัดน้ำมัน มันก็ต้องขับเปลี่ยนเกียร์ไม่เกินรอบ 2500 เนี้ยแหละครับ... ขับลากรอบมากมันก็กินมากจริงไหมครับ..
ไปเอามาให้อ่านจากเวบอื่นครับ...
ปรับวิธีขับ ประหยัดทันที1. ลดน้ำหนักบรรทุกให้ได้มากที่สุด
น้ำหนัก 25 กก. วิ่งระยะทาง 100 กม. ใช้น้ำมันไป 120 ซี.ซี. เท่ากับระยะ 1.2 กม.
น้ำหนัก 50 กก. วิ่งระยะทาง 100 กม. ใช้น้ำมันไป 240 ซี.ซี. เท่ากับระยะ 2.4 กม.
น้ำหนัก 100 กก. วิ่งระยะทาง 100 กม. ใช้น้ำมันไป 480 ซี.ซี. เท่ากับระยะ 4.8 กม.
น้ำหนัก 100 กก. วิ่งระยะทาง 800 กม. ใช้น้ำมันไป 3,840 ซี.ซี. เท่ากับระยะ 38.4 กม.
2. ลมยางเหมาะสม ลมยางอ่อน 3 ปอนด์ ยางหนึดทำให้กินน้ำมันเพิ่ม 1-2% แปลว่าต้องเติมพอดีๆนะครับเติมมากไปยางสึกไม่เท่ากัน+ล้อจะไม่จับถนนครับ
3. หมั่นเช็คเครื่อง/เช็ครถ ทุกๆ 1,000 กม. ประหยัดได้ 5 ลิตร
4. หากหยุดเกิน 15 วินาที ให้ดับเครื่องทันที
หากยังติดเครื่องไว้ทุกๆ 3 นาที ใช้น้ำมันไป 100 ซี.ซี. เท่ากับระยะทาง 1 กม.
5. เปลี่ยนเกียร์สูงทันทีเมื่อเครื่องยนต์ทำงานถึง 2,500 รอบ/นาที
6. หลีกเลี่ยงการเบรคอย่างรุนแรง "เบรคบ่อย ปล่อยคลัทช์-คันเร่งช้า ระยะทางหาย"
"การปล่อยไหล ประหยัดกว่าปลดเกียร์ว่าง" (อันตรายนะครับ การเข้าเกียรว่างทำให้แทคชั่นจากยางลดลงน้อยมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา รถจะควบคุมยากกว่าเข้าเกียร์คาไว้ครับ จะทำอะไรก็ระมัดระวังครับ ชีวิตมีค่ามากกว่าค่าน้ำมันบาทสองบาท)
7. ใช้ความเร็วคงที่ 90 กม./ชม. หรือที่ 1,800 รอบ/นาที จะประหยัดและได้ประโยชน์สูงสุด
หากใช้ความเร็วที่ 110 กม./ชม. จะทำให้กินน้ำมันมากกว่า 25%
8. เปิดแอร์ตลอดทำให้กินน้ำมันอีก 10%
9. รถเกียร์อัตโนมัติกินน้ำมันกว่าเกียร์ธรรมดา 10%
10. น้ำมันเครื่องแพงดีๆ ช่วยการประหยัดได้ 5-10% (การเสียดสีจะต่ำลงครับ แต่ต้องเลือกให้ถูกเลือกไม่ดีไสเกินไปก็กินน้ำมันเครื่องนะครับ)
คงพอที่จะตอบคำถามหลายๆคนได้นะครับ... สงสัยเพิ่มถามได้ฮะ...