***โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน****
เป็นที่ลือกันทั่วไปในหมู่ของคนขับรถแท็กซี่ว่า
บริเวณป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์
งามวงศ์วาน) ตอนกลางดึก หลังห้างปิด) แล้วเนี่ย ผีดุเป็นบ้า
ลือกันเป็นตุเป็นตะว่า เคยมีแท็กซี่หลายคันถูกผู้หญิงผมยาวเรียกจากหน้า
ห้างฯ ให้ไปส่งที่วัดสมรโกฏิ (ถ.รัตนาธิเบศร์)
พอคนขับแท็กซี่ขับไปถึงหน้าวัดปรากฏว่าผู้โดยสารผู้หญิงผมยาวคนนั้นก็หายตัวไป
เป็นที่เลื่องลือกันว่าผีที่หน้าห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วานนี้คือหญิงสาวที่เคยใช้ที่จอดรถของห้างฯ เป็นที่ฆ่าตัวตาย จนปัจจุบันนี้ห้างฯ
ได้ ทำลวดตาข่ายมาอ๊อกปิดไว้หมดทุกด้านเพื่อป้องกันไม่ให้มีใครมาใช้เป็น สุสานอีก แต่ก็ยังไม่วายมีข่าวมาเรื่อย ๆ ว่ามีคนกระโดดตึกตายที่นี่เป็นประจำ
เรื่องข่าวลือนี้นายกล้า โชเฟอร์แท็กซี่ (มือใหม่) ที่เพิ่งมาหางานทำใน กรุงเทพฯ ก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ความที่แกเป็นคนกล้าสมชื่อ แกจึงไม่เชื่อ แล้วแกยังคงวนเวียนรับ-ส่งผู้โดยสารแถวงามวงศ์วานและใกล้เคียงเป็นประจำ เพราะรายได้ดีเนื่องจากแถวนี้ตอนดึก ๆ ไม่ค่อยมีแท็กซี่กล้าขับผ่านมา
เรื่องของเรื่องคือมีอยู่วันหนึ่งดึกมากแล้ว นายกล้าขับรถผ่านหน้าห้างเดอะมอลล์ฯ ก็ปรากฏว่ามีผู้หญิงสาวสวย ไว้ผมยาวสยาย ยืนโบกรถอยู่หน้าห้างฯ ฉับพลันที่เห็น นายกล้าก็นึกไปถึงเรื่องที่เพื่อนๆ ชาวแท็กซี่โจษขานถึงเรื่องผีดุกันขึ้นมาทันที
แต่ความที่แกเป็นคนกล้าประกอบกับผู้หญิงคนนั้นก็ดูว่าเป็นคนชัดๆ
แก จึงจอดรถเข้าไปรับ พอหญิงสาวเปิดประตูรถ กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกก็ปะทะจมูกของนายกล้าทันที "โชเฟอร์ ไปแถววัดธาตุทองนะ จะไปมั้ย ?" หญิงสาวถาม " ไปครับผม" นายกล้าตอบ ในใจคิดว่า ไม่ใช่วัดสมรโกฏิแบบที่ลือกันนี่หว่า หญิงสาวก้าวขึ้นนั่งที่เบาะหลังพร้อมกับบอกนายกล้าว่า
"ไปทางด่วนนะ"
นายกล้ากดมิเตอร์แล้วออกรถขับตรงไปขึ้นทางด่วนงามวงศ์วาน
กลางดึกเช่นนั้นทางด่วนเงียบสนิท นาน ๆ ถึงจะมีรถขับมาสักคัน
กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวยังเตะจมูกอยู่ บรรยากาศเงียบเชียบชวนอึดอัด
ถึงนายกล้าจะกล้าเพียงไรก็ตามแต่แกก็อดชำเลืองมองกระจกส่องหลังไม่ได้
เมื่อ เห็นหญิงสาวนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา แกก็เลยชวนคุยเพื่อทำลายบรรยากาศอันอึดอัดนี้ " รอรถนานมั้ยครับ" นายกล้าถามหญิงสาว "นานสิ แท็กซี่หายไปไหนหมดไม่รู้" หญิงสาวพูดเรื่อยๆ
" ก็มีข่าวลือเรื่อง...เอ้อ.....เรื่องผีแถวนี้ดุสิครับ
เลยไม่ค่อยมีแท็กซี่คันไหนกล้าวิ่งแถวนี้"
นายกล้า ตัดสินใจพูดหยั่งเชิงเพื่อดูท่าทีหญิงสาว หญิงสาวหันขวับมามองนายกล้าทันที "มิน่าล่ะ เมื่อกี้ฉันเรียกตั้งหลายคันไม่มีใครจอดเลย แล้วนายไม่กลัวเหรอ ?" หญิงสาว ถาม
นายกล้ากลืนน้ำลาย " เอ้อ...ไม่กลัวครับ" "ก็ดี"
หญิงสาวพูดพร้อมกับหันไปมองที่หน้าต่าง
นายกล้าขับรถต่อไปเรื่อย ๆ บรรยากาศกลับเงียบสงัดอีกครั้ง
เงียบจนนายกล้าได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองเพียงคนเดียว!
นายกล้าแหงนขึ้นไปมองกระจกส่องหลังเมื่อนึกขึ้นได้
ทัน ใดนั้น! หัวใจของแกแทบจะหยุดเต้น เมื่อเห็นภาพในกระจกเบาะหลังว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของผู้หญิงผมยาวที่นั่งคุยมาด้วยกันเมื่อกี้นี้เลย!
'ship หายแล้ว ku เนี่ยเขาว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ โดนดีเข้าแล้วมั้ยล่ะ ' นายกล้าคิดขณะที่กลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ ของผู้หญิงสาวยังคงคลุ้งอยู่ในรถ มือที่กำพวงมาลัยสั่นสะท้าน เหงื่อแตกพลั่กทั้งที่แอร์ในรถเย็นเฉียบ
ขาของนายกล้าที่เหยียบคันเร่งชาจนแทบจะไม่รู้สึกแล้ว บทสวดมนต์กี่บท
ๆ ที่นึกได้ นายกล้าท่องจนหมด กลิ่นน้ำหอมก็ไม่หายไปไหน ยังลอยอบอวลคลุ้งอยู่ในรถ แถมบางครั้งยังแรงขึ้นด้วยซ้ำไป มนต์บทแล้วบทเล่าที่นายกล้าท่อง ไม่ได้ทำให้กลิ่นน้ำหอมจางลงเลย นายกล้าแหงนขึ้นมองกระจกอีกครั้ง
เบาะหลังก็ยังว่างเปล่าอยู่ มีแต่กลิ่นน้ำหอมเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่า
" เธอ" ยังไม่ไปไหน
นายกล้าเหยียบคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิต ในใจก็อาราธนาพระดัง ๆ
ทั่วเมืองไทยให้มาอยู่เป็นเพื่อนเขา ใจอยากบึ่งไปให้ถึงวัดธาตุทองเร็วๆ
เผื่อว่ากลิ่นน้ำหอมจะหายไปเพราะ " เธอ" คงต้องการไปลงที่นั่นจริง ๆ
' โอ๊ย มาไกลเหลือเกินนะแม่คุณ ' นายกล้าคิดในใจ ขณะที่ยังคงเหยียบคันเร่งมิด
นายกล้ามารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถมาติดไฟแดงตรงเชิงทางด่วน
นายกล้าสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ 3 ครั้ง
ก่อนกลั้นใจแหงนหน้าขึ้นไปมองกระจกส่องหลัง และแล้ว
นายกล้าก็แทบจะหัวใจหยุดเต้นอีกครั้ง มือเท้าเย็นวาบแทบจะหมดแรง
ขนลุกซู่ทั้งตัว เหมือนใครเอาน้ำแข็งมาโปะต้นคอ
ภาพ ที่ทำให้นายกล้าแทบช็อกก็คือ หญิงสาวคนเดิมมาปรากฏตัวที่เบาะเหลังอีกครั้ง แต่คราวนี้หน้าตาเธอเปลี่ยนไป! ใบหน้าของเธอมีเลือดไหลออกทางจมูกและปาก
นายกล้าตัดสินใจรวบรวมความกล้าอีกครั้ง ' เป็นไงเป็นกันวะ ไหน ๆ
ก็ไหน ๆ แล้ว จะถามให้รู้เรื่องกันไปว่า "เธอ" ต้องการอะไรกันแน่ '
พอคิดได้ดังนั้นนายกล้าก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับ "เธอ" ผู้นั้น
ก่อนที่จะถามเป็นคำถามแรกว่า "คุณเป็นอะไรตาย ?"
" ตายพ่อ ตายแม่(-ท่าน-)สิ" เสียงหญิงสาวคนนั้นตอบดังลั่นรถ
"ไอ้ห่า! กูก้มลงไปแต่งหน้าหน่อยเดียว มึงเหยียบซะหน้าตากูแหกหมด
แล้วยังเสือกมาถามอีกว่าเป็นอะไรตาย"