การขับทางโค้ง(การเข้าและออก) เเละศัพท์ ที่เกี่ยวข้องอันนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวกว่า หัวข้อที่แล้วครับ...
เป็นสิ่งที่ทำให้รถที่เครื่องไม่แรงสามารถไปได้เร็วกว่า...
เป็นสิ่งที่แยกระหว่างนักขับรถ กับคนขับรถ...
เป็นสิ่งที่ทำให้ไปได้เร็วมากกว่าคนอื่น...
หลายๆคนอาจจะยังไม่มีพื้นฐานเรื่องภาษาเรียกนะครับ เอาเป็นว่า เข้าใจได้ตรงกันก่อนครับจะได้คุยกันรู้เรื่องในโอกาสต่อไป
ผมคงยังไม่พูดถึงเรื่องเทคนิคอะไรมากมายฮะ เอาแค่ให้เข้าใจตรงกันก่อน...
ดูตามรูปนะครับ ในสนามเราจะสังเกตุเห็น บริเวณโค้งมันจะมี ขอบทางสีขาวแดงสลับกัน อันนั้นคือ เคิบ ครับ (บางคนก็เรียกว่าแบงค์แต่ถือเอาความเข้าใจในบ้านเราว่ามันคืออันเดียวกันนะครับ) โดยปรกติจะมี 2 แบบ คือแบบที่ปีนได้ และไม่ควรปีน โดยอยู่ที่ว่า บริเวญนั้น อันตรายแค่ไหน เขาต้องการให้เราลดความเร็วลงมามากหรือไม่ ยิ่งสนามเฉพาะกิจแบบ บางแสนยิ่งจะเจอ แบบที่ปีนไม่ได้เยอะเลยครับ ปีนทีนึงล้อลอยเลย... แต่ในสนามแข่งจริงๆ ส่วนมากจะปีนได้ครับ
อีกอันคือ เอเปคของโค้งครับ...
โปรท่านกล่าวไว้ว่า เอเปคของรถแต่ละคันแะคนแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน อยู่ที่การเซ็ทรถคันนั้นๆและวิธีการขับของคนๆครับ
ในรูปผมให้เห็นว่า มันเข้าคนละลายกัน จึงทำให้มีเอเปคคนละจุดกัน แต่ว่ามันก็ออกโค้งได้เช่นเดียวกัน ยิ่งตอนแข่ง รถเยอะๆ จะหวังเข้า เต็มลายแบบ ขับคนเดียวเป็นไปไม่ได้เลยครับ แต่ว่าถ้าเป็นการขับ Time Attack นั้น ลายของรถประเภทเดียวกันจะค่อนข้างคล้ายกันมากๆครับ เพราะว่ามันคือลายที่ไปได้เร็วที่สุดของสนาม
โอเคนะครับมา ปูพื้นฐานความเข้าใจ เรื่องการเข้าโค้งกันต่อครับการเข้าโค้ังนั้นมีลำดับขั้นตอนตามนี้ครับ
ลดความเร็วลงมาให้พอดี-เลี้ยวเข้าเอเปคอย่างนิ่มนวลพร้อมประคองอาการและกรอคันเร่ง-ออกจากยอดเอเปคคือพวงมะลัยและเร่งส่ง-เตรียมเข้าลายขับที่ถูกต้องเพื่อเข้าโค้งต่อไปอันนี้คือเบสิกนะครับ แต่ว่าระดับความสามารถของนักขับแต่ละคน จะโดนแบ่งชั้นจากการควบคุมนี่แหละครับ
มาดูข้อแรกก่อนเลย...การลดความเร็ว...
จริงๆแล้วต้องสารภาพครับ ว่าผมเองเป็นคนที่ลืมเบสิกพื้นฐานได้เก่งพอตัวครับ... ออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ใช่โปร ไม่ใช่ผู้มีความรู้ในระดับที่จะตั้งตัวเป็น อ. สอนใครได้ เพียงแต่ว่า มีประสพการณ์และสามารถแปลความหมายเทคนิคต่างๆ ให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ ทุกอย่างที่ผมเอามาอธิบาย เขามีสอนกันอยู่แล้วครับผมเอาความรู้ตรงนั้นมาอธิบายต่อ อีกทีในภาษาที่คิดว่าน่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ
สิ่งที่ต้องบอกไว้ก่อนนะครับผมเชื่อว่าหลายๆคน ต้องเข้าใจผิดมาก่อนแบบผมเช่นเดียวกัน
อ. ศิริบูรณ์ เคยกล่าวเอาไว้ว่า การลดความเร็วของรถมีเพียงอย่างเดียว คือการใช้เบรคอ่านกันยาวหน่อยนะครับเรื่องนี้...การเหยียบเบรคเป็นการสร้างแรงม้าเนกาตีฟครับ
ยกตัวอย่าง รถเราๆ corsa เทพโมเต็ม 150 ม้าที่ล้อ ออกตัว 0-100 กม/ชม ใช้เวลา 10 วินาที รถบ้านๆน่าจะมีสัก 15-19 วินาทีนะครับ... ระยะทางวิ่งผมเดาๆว่าน่าจะมีสัก 2-300 เมตร
รถ corsa บ้านๆ กดเบรคเต็มๆ ทำให้รถหยุด จาก 100-0 กม/ชม ใช้เวลา5-6 วินาที แต่ระยะทาง 60 เมตร (ถ้าเบรค+ยางดีๆได้ต่ำกว่านี้ครับ)
เวลาที่ใช้และระยะทางมันต่างกันเยอะมาก เพราะว่า แรงม้าเนคกาตีฟ ที่เบรคล้อของเรา มีมากกว่า 300ตัวครับ มันเป็นการสร้างแรงม้าในทางตรงกันข้าม กับการเคลื่อนที่จึงถือว่ามีค่าเป็นลบ นะครับ
แล้วผมมาบอกทำไมเรื่องมันไม่จำเป็นต้องรู้ขับรถได้ทุกๆวันอยู่แล้ว... มันมาเกี่ยวข้องกันตรงคำว่า
เอนจิ้นเบรคครับสิ่งที่หลายๆคนเข้าใจคือเวลาจะลดความเร็ว ต้องเปลี่ยนเกียร์ลงมา เพื่อฉุดเครื่องให้ความเร็วลดลง โดย ยิ่งใครขับโดยไม่แตะเบรคเลย แปลว่ามันผู้นั้น เมพขิงๆ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ครับ ไม่อย่างนั้นเขาจะสร้างเบรคมาเป็น อุปกรณ์พื้นฐานของรถทุกคันทำไม...
ทำไมไม่ให้เลือกเป็นออฟชั่น
ใครว่างๆลองดูนะครับแบบทดสอบว่าผมมั่วหรือเปล่า...ลองดูครับ ขับ 100 นึงรถว่างๆดึกๆ แล้ว ค่อยๆเปลี่ยนเกียร์ลงมาจาก 5-4-3-2-1 แล้วจับเวลาดูครับว่า เมื่อไหรมันจะหยุดและใช้ระยะทางเท่าไรฮะ
นอกจากเกียร์พังเครื่องพัง อาจจะมีคนพังรถชาวบ้านพัง ด้วยครับ
ลองมาดูหลักการและเหตุผลนะครับ
การที่ เปลี่ยนเกียร์ลงมาเรื่อยๆนั้นทำให้ความเร็วของรถลดลง เกิดจากการที่ เครื่องยนต์เกิดการเสียดสีในระบบและทางเดินอากาศปิด ทำให้การจุดระเบิดน้อยลง (ก็ถอนคันเร่งนินาเด็กเล่นเกมกดยังรู้เลยว่าไม่กดคันเร่งรถก็ไม่ไป) ซึ่งตีค่าแรงม้าเนคกาตีฟออกมาตามแรงเสียดทานที่เกิดขึ้น น่าจะสักประมาณ 2-30 ตัว (ผมจำไม่ได้ฮะแต่เคยได้ยิน) แล้วเมื่อไรรถมันจะหยุดอ่ะครับ ที่แน่ๆคนนั่งหัวทิ่มแน่นอนตอนลดเกียร์ลงมาดื้อๆ
พอจะนึกตามออกไหมครับ ยิ่งถ้าเราขับลากรอบอยู่ 6000รอบ แล้วจะเบรคโดยการเปลี่ยนเกียร์ลงมา รอบมันกระชากทะลุไป 7000 แน่ๆ ไม่เครื่องก็เกียร์อ่ะครับที่กลับเยอร์มัน เหอๆๆ
แล้วทำไมเขาลดเกียร์ลงเวลาเข้าโค้ง... เหตุผลเดียวคือเพื่อ เตรียมรอบเครื่องให้อยู่ในช่วง แรงบิดสูงสุดเพื่อเร่งออกจากโค้ง ครับ อ่า... งง ป่าวเอ่ย... ลองดูง่ายๆฮะ ขับรถปรกติเลี้ยว เข้าปากซอยบ้าน สมมุติว่า ขับมา 80 พอจะเลี้ยวเราจะลดเกียร์ลงมาสักเกียร์ 3-2 เพื่อ ขับในซอยใช่ไหมครับ (มันทำไปโดยอัตโนมัติไปอยู่แล้ว) คราวนี้ลอง ไม่ต้องลดเกียร์ ดูครับแล้วจะรู้ว่า มันเร่งไม่ขึ้นเป็นยังไง
ผมเองก็ลืมไปเหมือนกันครับ มาจำได้อีกที ตอนที่ พี่ตั๋ง(โปรที่มาอบรม) บอกว่าผมลดเกียร์เร็วไป ให้ปรับจังหวะลดเกียร์ช้ากว่านี้อีกหน่อยผมจึงจำความได้
แล้วยิ่ง ได้นั่งรถของนิชิฮาร่า ในสนามยิ่ง รู้เลยว่า เขาเบรคก่อนแล้วค่อยลดเกียร์ลงมาเพื่อเร่งออกจากโค้ง แต่ว่าทุกอย่างทำเร็วมากจะมองไม่ค่อยทัน
ฉะนั้น คนที่ไม่เชื่อของให้ลองดูครับ คนที่เชื่อผมก็ขอให้ลองดูครับ แต่ว่าหาลานโล่งๆ ถนนโล่งๆหน่อยนะครับมันอันตรายฮะ
เราจะได้ปุพื้นฐานที่ถูกต้องในการขับรถกันนะครับ ตรงตาม เหตุผลที่พวกเราทีมงานได้จัดการอบรมนี้ขึ้นมาครับ
ลองปรับเปลี่ยนวิธีการขับกันดูนะครับเพื่อความปลอดภัยฮะ...
มาเรื่องการเลี้ยวกันบ้าง...(หัวข้อแรกล่อซะยาวโคตรๆเลย
)
เวลาที่เลี้ยว ให้มองก่อนครับว่าโค้งนั้นๆ ทางออกโค้งเป็นอย่างไร แล้วใช้ พท. ให้เต็ม (ในสนามขับคนเดียว) แต่ถ้าเป็นบนถนน ก็ให้ ดูชาวบ้านดีๆนะครับ เดี๋ยวซัดกันกลางถนนซะก่อนแฮะๆๆ
เวลาเข้าให้ค่อยๆเข้าครับ ถ้าไม่เคยขับเส้นทางนี้ให้เข้าเป็นกลางไว้ก่อน แต่ถ้าจำได้ว่า เอเปคอยู่ตรงไหนก็ยัดเข้าไปเลยครับ ระวังน้ำ-น้ำมัน-ทราย ด้วยนะครับ แล้วค่อยๆบานออกพร้อมกดคันเร่งเพิ่ม พร้อมกับเตรียมตัวนำรถเข้าสู่โค้งต่อไป...
แฮะๆๆ สั้นซะจนน่ากลัวว่ามันทำไมไม่มีอะไรเลย... คือว่า ผมเองก็ต้องให้ลองนั้งรถที่ผมขับแล้วทำให้ดูครับ เพื่อเปรียบเทียบ... หลายๆคนที่ได้นั่งรถผมในสนามที่ผมขับให้นั่ง 3-4 รอบเพื่อดูอาการรถแบบต่างๆน่าจะพอเข้าใจบ้างฮะ ไว้มีโอกาสหน้า ผมจะให้ลองนั่งกันอีกนะครับอธิบายง่ายกว่าเมื่อมันเห็นของจริงครับ ใช้เวลา คนละ 5 นาทีเอง อิอิ ถ้าไม่อ๊วกซะก่อน..
ออมีแีกเรื่องฝากไว้ครับว่า...
ไม่ควรเหยียบคลัชแช่ไว้หรือปล่อยเกียร์ว่างขณะเข้าโค้งนะครับ เพราะว่า รถจะสูญเสียความสามารถในการยึดเกาะถนน ครับแรงจากเครื่องมันจะไม่ไปปั่นล้อเพื่อเลี้ยวเข้าโค้ง... จะรู้สึกว่ารถลอยๆฮะ...
สงสัยอะไรถามมาได้ฮะ จะได้ช่วยกัน อธิบายครับ