งานนี้ใช้นักเรียน 1500 คน โค้ก 1500 ขวด เมนทอส 1500 เม็ด และเสื้อกันฝนอีก 1500 ตัว
ผลลัพธ์ที่ได้กรุณาชมจากภาพ
โลกวิทยาศาสตร์ - เมนทอสใส่โค้ก ไดเอ็ท
ลองเอาลูกอมเมนทอส รสมินท์ หรือรถผลไม้ก็ได้ใส่ลงไปในขวดไดเอ็ท โค้ก คุณจะพบว่าเพียงไม่กี่วินาทีน้ำในขวดโค้กจะทำปฏิกิริยาเกิดเป็นฟองฟอดทะลัก ขึ้นปากขวดราวกับน้ำพุ สูงหลายสิบเมตรได้อย่างน่าประหลาดใจ นักวิทยาศาสตร์ช่วยกันไขปริศนาจนพบคำตอบแล้วว่าทำไมน้ำถึงพุ่งปรี๊ดออกมาได้ ปรากฏการณ์น้ำพุไดเอ็ท โค้ก จากพลังเมนทอสได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก แต่ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า ปฏิกิริยาทางเคมีชนิดไหนที่อยู่เบื้องหลังการทดลองวิทยาศาสตร์ที่เปรอะ เปื้อนดังกล่าว
ทองก้า คอฟฟรีย์ นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยแอบพาลาเชียน สเตท จากสหรัฐ บอกว่า เขาเสนอให้นักศึกษาหาคำตอบว่า ทำไมเอาเมนทอสใส่ไดเอ็ท โค้ก แล้วน้ำจากขวดโค้กถึงพุ่งเป็นน้ำพุไปได้ และบางครั้งสูงถึง 10 เมตร
ที่ ผ่านมา เคยมีคนตั้งทฤษฎีอธิบายเหตุการณ์มากมาย และนักเขียนเว็บบล็อกบางคนคาดว่าเป็นผลมาจากปฏิกิริยากรด-เบส เนื่องจากโค้กมีสภาพเป็นกรด เมื่อปี 2549 รายการมิธบัสเตอร์ของสถานีดิสคัฟเวอรี่ แชนแนล อธิบายว่า กระบวนการทางเคมีที่อยู่เบื้องหลังปฏิกิริยาน้ำพุไดเอ็ท โค้ก คือ กัม อะราบิก (สารใช้เติมในอาหารให้มีสภาพคงตัว) และเจลาตินในเมนทอส ทำปฏิกิริยากับกาเฟอีน โพแทสเซียม เบนโซเอต และแอสพาร์ทาม (น้ำตาลเทียม) ในโค้ก แต่ยังไม่มีใครศึกษาเรื่องนี้เชิงวิทยาศาสตร์กันอย่างจริงจัง
เพื่อ ให้ได้ข้อมูลชัดเจนขึ้น คอฟฟีย์ และทีมนักศึกษาทอสอบปฏิกิริยาเปรียบเทียบระหว่างไดเอ็ท โค้ก กับเมนทอสรสผลไม้ รสมินท์ และสารปรุงแต่งอื่น เช่น มินท์ น้ำยาล้างจาน เกลือป่น และทราย ทีมวิจัยยังได้ทดสอบเปรียบเทียบกับน้ำอัดลมอื่น เช่น น้ำอัดลมไร้กาเฟอีน และไร้น้ำตาล รวมถึงพวกน้ำโซดา และน้ำโทนิกที่ใช้ผสมเครื่องดื่ม
ทีมวิจัยทดลองโดยตั้งขวดทำมุม เอียง 10 องศา และบันทึกภาพน้ำพุขณะพุ่งออกจากขวด บันทึกปริมาณน้ำที่ทะลักออก และอิทธิพลของผิวลูกอมเมนทอสต่อการทำปฏิกิริยา ผลทดลองพบว่า ไม่ว่าจะเป็นเมนทอสรสผลไม้หรือรสมินท์ ก็ทำให้เกิดปฏิกิริยาน้ำพุไดเอ็ท โค้ก ได้เหมือนกัน และสามารถพุ่งขึ้นสูงสุด 7 เมตร เมื่อทดลองใช้กับไดเอ็ท โค้ก สูตรปลอดกาเฟอีนก็ได้ผลเหมือนกัน แสดงว่า กาเฟอีนไม่ได้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา โดยเฉพาะปริมาณกาเฟอีนที่ใช้ผสมในเครื่องดื่มไดเอ็ท โค้ก ที่ไม่มากนัก
เมื่อ วัดค่าความเป็นกรด-ด่างของโค้กก่อนทดลองและหลังทดลองพบว่า ค่าความเป็นกรด-ด่างคงที่ หมายความว่า ทฤษฎีที่บอกว่าเป็นปฏิกิริยาจากกรด-เบส คงนำมาใช้อธิบายไม่ได้ ทว่า ทีมวิจัยพบว่า น้ำพุไดเอ็ท โค้ก พุ่งสูงต่ำแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมกันที่มีอิทธิพลต่อการเพิ่ม ปริมาณฟองคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ ผิวเคลือบเมนทอสที่หยาบยังช่วยให้เกิดฟองมากขึ้นเนื่องจากไปก่อกวนการจับ ขั้วระหว่างโมเลกุลของน้ำที่ทำให้ฟองเพิ่มปริมาณมากขึ้น
"โดย ทั่วไป โมเลกุลน้ำจะจับกับโมเลกุลน้ำที่อยู่ถัดไป และถ้าคุณเอาบางอย่างใส่ลงไปในน้ำอัดลมเป็นผลทำให้เครือข่ายโมเลกุลน้ำปั่น ป่วน และทำให้เกิดฟองได้เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าใส่ลูกอมผิวหยาบที่มีสัดส่วนพื้นผิวสูงเมื่อเทียบกับปริมาตร ยิ่งทำให้เกิดฟองมากขึ้น" นักวิจัย กล่าว นอกจากนี้ แรงตึงผิวที่น้อยลงยังช่วยให้ฟองเกิดเร็วขึ้น เมื่อนำผลทดลองมาดูพบว่า น้ำที่มีสารแอสพาร์ทาม (สารให้ความหวานหรือน้ำตาลเทียม) ซึ่งออกรสหวานจัดมีแรงตึงผิวน้อยกว่าน้ำหวานทั่วไป จึงอธิบายได้ว่า ทำไมไดเอ็ท โค้ก ถึงเกิดฟองพรวดพราดเร็วว่าโค้กธรรมดา
อีกปัจจัย หนึ่งคือ กัม อะราบิกที่เคลือบเมนทอส เป็นสารลดแรงตึงผิวที่ยิ่งทำให้แรงตึงผิวของไดเอ็ท โค้กลดลงยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่า เมื่อทดลองใช้ลูกอมมินท์ที่ไม่มีสารลดแรงตึงผิวไม่ทำให้เกิดน้ำพุขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เมนทอสมีมวลที่หนาแน่น และจมอย่างรวดเร็ว จึงยิ่งเร่งปริมาณฟองมากยิ่งขึ้นก่อนทะลักขึ้นปากขวด ต่างจากเมนทอสบดละเอียดเมื่อใส่ลงไปในไดเอ็ท โค้ก ทำให้เกิดฟองพุ่งขึ้นแค่ 30 เซนติเมตรเท่านั้น
ที่มา :
http://www.roigoo.com/board/index.php?topic=1098.0ที่มา :
http://redangel567.blogspot.com/2008/06/science-of-mentos-diet-coke-explosions.htmlที่ มา :
http://www.publichot.com/forums/showthread.php?t=216875