เรื่องมีอยู่ว่า....

playtg · 6719

Offline playtg

  • น้องใหม่ในยุทธจักร
  • *
    • Posts: 16
^
^
^

โอ้ว...กลับมาแล้วรึค่ะ

มาเล่าเรื่องต่อรึป่าว  มารออ่านค่า  ^^*
ต้องหาโอกาสขับหรือเป็นเจ้าของรถ Opel น่ะครับ ก็จะมีเรื่องเขียนได้อีก โดยเฉพาะ Corsa ยังมีเรื่องน่าสนใจมากนะครับ เช่น หลายคนรู้สึกว่าช่วงเหยียบเบรคต้องเหยียบลึกกลัวไม่อยู่ จริงๆ เบรคดีครับ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรอกครับแต่น่าจะเป็นการออกแบบช่วงจังหวะการเบรคไม่ให้ล้อล็อคเพราะถ้าช่วงเหยียบเบรคตื้น ในจังหวะฉุกเฉิน ถ้าเราเหยียบเบรคกระทันหัน เบรคอาจจะจับล้ออยู่แต่ล้อล็อคแล้วท้ายปัด เราก็จะเสียการควบคุมรถได้ครับ และ Corsa เป็นรถเล็กฐานล้อแคบถ้าท้ายปัดแรงๆ อาจพลิกคว่ำได้ครับ

ช่วงเบรคของ opel จะออกแบบมาให้สามารถคุมระยะการกดเบรคได้ละเอียดกว่าหลายๆยี่ห้อครับ ทำให้สามารถแต่งจังหวะเบรคได้ค่อนข้างเยอะครับ ถ้าขับ opel แล้วไปขับรถยี่ปุ่น เหยียบครั้งแรกมักจะหัวทิ่มครับ เพราะว่าไม่ชินระยะแป้นเบรคครับ  :สำนึก:

ใช่ครับ รถเยอรมันมักจะออกแบบให้มีระยะเบรคแบบนี้ เพราะต้องการให้รถชะลอและหยุดได้อย่างปลอดภัย แต่หลายๆ ท่านที่ขับรถญี่ปุ่นก็จะชินกับการเบรคปุ๊ปอยู่ปั๊ปทันที ซึ่งก็ดีแต่ล้อก็ล็อคได้ง่ายกว่าน่ะครับ บางครั้งผมก็นึกถึงว่าเป็นเพราะกฎหมาย ลักษณะถนน ภูมิประเทศ วัฒนธรรม แนวคิดเพื่อการผลิตรถของเยอรมันกับญี่ปุ่นมีความแตกต่างกันหรือเปล่าทำให้การออกแบบอุปกรณ์ต่างๆในรถยนต์มีความแตกต่างกันบ้าง เช่น เยอรมันมีทางด่วนออโต้บาห์น ทั้งรถเล็ก รถใหญ่ จึงต้องมีช่วงล่างดี ขับขี่ในความเร็วสูงได้อย่างมั่นใจ ทำให้ออกแบบช่วงเบรคสามารถชะลอและหยุดได้อย่างปลอดภัย แต่ญี่ปุ่นอาจมีแนวคิดเรื่องการผลิตรถเล็กว่าเป็นรถขนาด CC. ไม่มาก ใช้สำหรับระยะทางใกล้ๆ ใช้ในพื้นที่ๆ มีการจราจรแออัด หรือรถสามารถเคลื่อนไปได้แบบ stop and go คือไปๆ หยุดๆ วิ่งบ้างติดบ้าง จึงต้องทำเบรคให้มีระยะที่ตื้นกว่า เพื่อให้หยุดได้ฉับไว ลองสังเกตได้ครับว่า City car ของญี่ปุ่นมักมีตีนต้นดี บางคันถึงกับเร้าใจเลยทีเดียว :)



Offline witza

  • นักรบพเนจร
  • **
    • Posts: 50
 :D :D :D

ผม..วิทย์
อยู่..หนองมน..(หมู่บ้านมณีแก้ว) ชลบุรี
ทำงานที่..นิคมอิสเทิรนชีบอร์ดระยอง..คับ
บริษัท..gm
เบอร์ติดต่อคับ..08-20530671 / 038-391400
suwit_ch123@hotmail.com
corsa 5 door
สีฟ้า..


Offline มือใหม่corsa

  • ยอดฝีมือแห่งแค้วน
  • *****
    • Posts: 9,676
  • เจ้าซ่าส์ ชาเขียว
  • No.: เจ้าซ่าส์ชาเขียว เบอร์ 69
  • รุ่นรถ: CORSA 3Dr.
  • สีรถ : เขียวปรี๊ด
  • เครื่องยนต์: เครื่องวีออซ 1NZ-VVTI AUTO
มาต่อแล้วครับ พอดีมาธุระที่ภูเก็ตเลยต้องใช้เครื่องกับเน็ตของโรงแรม

16.30 น. หล้งจากเสร็จธุระกับเรื่องราวการงานต่างๆ ใน office ผมเก็บข้าวของบนโต๊ะ ดับไฟในห้องทำงาน แล้วเดินออกจากห้องทำงานไปที่ลานจอด เพื่อไปดูอาการรถเยอรมันคู่ใจคันใหญ่ที่อู่ประจำแถวซอยมิสทีน อู่นี้เป็นอู่ที่ซ่อมรถเยอรมัน 98% อีก 2% ที่เหลือก็ซ่อมรถยุโรปและรถญี่ปุ่นนู่นนี่นั่นเป็นครั้งคราว ทักทายกันพอหอมปากหอมคอก็ถามอาการเจ้าตัวใหญ่ ก็พอรู้ว่ามันไม่เป็นไรมาก ตอนแรกจะให้เจ้าของอู่ช่วยขับกลับบ้านให้ด้วย ก็ติดตรงที่อู่จะไม่มีใครอยู่ ผมเลยตัดปัญหาด้วยการฝากนอนที่อู่ซะหนึ่งคืน เพราะอยากให้ช่วยเช็คความเรียบร้อยให้ดวย ก็เขาอายุมาพอควรเลยล่ะครับ ต้องดูแลกันเยอะหน่อย

มีเรื่องขำๆ เรื่องนึงครับ คือตำแหน่งของสวิทช์ที่ปัดน้ำฝนกับไฟเลี้ยว ต่างไปจากรถที่ผมใช้อยู่ทุกวัน เลยปัดน้ำฝนสลับกับไฟเลี้ยวกันอยู่พักใหญ่แต่สุดท้ายก็ OK ตอนผมออกมาจากอู่ก้ใกล้ค่ำแล้วครับ มองดูหน้าหาตำแหน่งสวิทช์ไฟ แล้วก็ลองบิดก้านไฟเลี้ยวดู ก็ไม่เห็นว่าตรงไหนจะทำให้ไฟใหญ่หน้ารถติดได้ เหลียวไปมาสักพักก็ อ๋อ...อยู่ตำแหน่งเดียวกันกับเจ้าเยอรมันคันใหญ่นี่เอง ทั้งไฟหรี่ ไฟใหญ่ เหมือนกันเลย นี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ผมคุ้นเคยกับ astra คันเล็กๆ นี้อย่างบอกไม่ถูก

ขับไปเรื่อยๆ พร้อมกับสังเกตอาการตัวร้อนของรถ ที่แสดงผ่านเข็มอุณหภูมิที่กระดิกขึ้นไปเรื่อยๆ ก็มี sequence คล้ายๆกับเมื่อตอนเช้าครับ ผมเกิดความคิดขึ้นมา 2 ทางสำหรับเรื่องความร้อนคือ 1 รถอาจจะมีระดับความร้อนสูงเกินกว่าปกติต้องแก้ไข ซึ่งความร้อนปกติน่าจะอยู่แถว 90-92 องศาเซลเซียส หรือ 2 รถอาจจะมีระดับความร้อนแบบนี้เป็นปกติก็ได้ เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจครับ แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับรถที่ผมใช้ประจำ อุณหภูมิปกติที่รักษาให้เป็นปกติจะอยู่ที่ประมาณ 80-90 องศาเซลเซียส ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกัน อาการตัวร้อนของรถคันนี้ ก็จะเกิดขึ้นใกล้เคียงกับแอร์ไม่ค่อยเย็น ผมเลยแก้ปัญหาแบบเดิมคือ ปิดแอร์สักพักหนึ่งแล้วเปืดแอร์ใหม่ แอร์เย็นขึ้นและเครื่องเริ่มเย็นลง

19.00 น. ผมลอดใต้สะพานข้ามคลองสามวา (ไม่เข้าใจว่า ทำไมจากร่มเกล้าจะให้เลี้ยวขวาเข้าสุวินทวงศ์เลยไม่ได้ ต้องเลี้ยวซ้ายไปมะรุมมะตุ้มลอดสะพานนี้) ขับประกบข้างๆ 18 ล้อพอได้ไออุ่น แล้วโผล่ขึ้นสุวินทวงศ์ ขับมาเรื่อยๆ ถึงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนนิมิตใหม่ แล้วเลือกปั๊มที่จะเติมน้ำมันคืนให้พี่เขา สุดท้ายเลือกช่วยคนไทยด้วยการเติมแก็สโซฮอล 95 ของบางจาก 200 บาท เรื่องแปลกใจก็เกิดขึ้นอีกครับคือ น้ำมันที่เติมกลับเกินครึ่งถังไป 1 ขีดเต็มๆ แสดงว่าวันนี้ขับรถไป 100 กม. ใช้น้ำมันไปไปถึง 200 บาท เอ...อย่างนี้ไม่ต้องติดแก็สก็ได้นะ

ออกจากปั๊มน้ำมันของคนไทยเพื่อคนไทยที่รู้จักความเป็นอยู่อย่างพอเพียงแล้ว ผมก็ควบน้องเขียว corsa ตรงกับคืนสู่อ้อมอกเจ้าของรถโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับทำ list รายการที่เจ้าของควรดูแลด้วย ซึ่งผมคิดว่าถ้าได้ปรับแต่งอีกเล็กน้อย ก็จะได้ city car เก๋าๆ วิ่งดีๆ ขับอย่างสบายๆ เรื่องราวการขับขี่ 1 วัน กับ Opel Corsa B 4 ประตู ก็คงจบลงแค่นี้ ทุกวันนี้ผมก็ยังเห็น corsa คันนี้จอดอยู่มากกว่าขับตามปกติที่เป็นอยู่ ในใจก็รู้สึกอิจฉาคนที่เป็นเจ้าของและคิดว่าถ้ามีโอกาสอาจจะหาเดิมๆ มาขับสักคันในวันสบายๆ ส่วนคุณทั้งหลายที่ได้เป็นเจ้าของรถ Opel ไม่ว่ารุ่นใดก็ตามผมว่าคุณได้ของดีไว้กับตัวแล้ว ถ้ารถมีปัญหา อย่ารีบร้อนขายทิ้ง ลองไล่ปัญหาที่เกิดขึ้นให้เจอสาเหตุก่อน อาจจะแก้ไขได้อย่างไม่ยากเย็นเลย ถ้ารถขับแล้วเร่งขึ้นไม่ทันใจ โดยเฉพาะเกียร์ออโต้ อย่ารีบร้อนวางเครื่องใหม่ ลองปรับวิธีวางเท้าขวาบนคันเร่งดู แค่แปะเท้าแล้วกดเบาๆ ไม่ต้องกดลงไปลึกๆ คุณจะได้รับความรู้สึกใหม่ๆ กับการขับรถคันเดิม สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับ Opel รถเยอรมัน ขับสนุกตราสายฟ้าฟาดทุกท่านครับ

ม่ะได้แซวน้า....ตกลงรุ่นไหนกันแน่อ่ะคับ corsa หรือ astra  ;D ;D ;D :สำนึก: :สำนึก: :สำนึก:

เจ้าซ่าส์ชาเขียว CORSA 1.4i 3Dr. Auto Top Speed 100Km/Hr.
สมาคมวิทยุสื่อสารเพื่อการพัฒนา / ชมรมนักวิทยุสมัครเล่นเพื่อนพัฒนา http://www.vr144650.com
e20mmo@gmail / hotmail.com

http://e20mmo.multiply.com


Offline playtg

  • น้องใหม่ในยุทธจักร
  • *
    • Posts: 16
มาต่อแล้วครับ พอดีมาธุระที่ภูเก็ตเลยต้องใช้เครื่องกับเน็ตของโรงแรม

16.30 น. หล้งจากเสร็จธุระกับเรื่องราวการงานต่างๆ ใน office ผมเก็บข้าวของบนโต๊ะ ดับไฟในห้องทำงาน แล้วเดินออกจากห้องทำงานไปที่ลานจอด เพื่อไปดูอาการรถเยอรมันคู่ใจคันใหญ่ที่อู่ประจำแถวซอยมิสทีน อู่นี้เป็นอู่ที่ซ่อมรถเยอรมัน 98% อีก 2% ที่เหลือก็ซ่อมรถยุโรปและรถญี่ปุ่นนู่นนี่นั่นเป็นครั้งคราว ทักทายกันพอหอมปากหอมคอก็ถามอาการเจ้าตัวใหญ่ ก็พอรู้ว่ามันไม่เป็นไรมาก ตอนแรกจะให้เจ้าของอู่ช่วยขับกลับบ้านให้ด้วย ก็ติดตรงที่อู่จะไม่มีใครอยู่ ผมเลยตัดปัญหาด้วยการฝากนอนที่อู่ซะหนึ่งคืน เพราะอยากให้ช่วยเช็คความเรียบร้อยให้ดวย ก็เขาอายุมาพอควรเลยล่ะครับ ต้องดูแลกันเยอะหน่อย

มีเรื่องขำๆ เรื่องนึงครับ คือตำแหน่งของสวิทช์ที่ปัดน้ำฝนกับไฟเลี้ยว ต่างไปจากรถที่ผมใช้อยู่ทุกวัน เลยปัดน้ำฝนสลับกับไฟเลี้ยวกันอยู่พักใหญ่แต่สุดท้ายก็ OK ตอนผมออกมาจากอู่ก้ใกล้ค่ำแล้วครับ มองดูหน้าหาตำแหน่งสวิทช์ไฟ แล้วก็ลองบิดก้านไฟเลี้ยวดู ก็ไม่เห็นว่าตรงไหนจะทำให้ไฟใหญ่หน้ารถติดได้ เหลียวไปมาสักพักก็ อ๋อ...อยู่ตำแหน่งเดียวกันกับเจ้าเยอรมันคันใหญ่นี่เอง ทั้งไฟหรี่ ไฟใหญ่ เหมือนกันเลย นี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ผมคุ้นเคยกับ astra คันเล็กๆ นี้อย่างบอกไม่ถูก

ขับไปเรื่อยๆ พร้อมกับสังเกตอาการตัวร้อนของรถ ที่แสดงผ่านเข็มอุณหภูมิที่กระดิกขึ้นไปเรื่อยๆ ก็มี sequence คล้ายๆกับเมื่อตอนเช้าครับ ผมเกิดความคิดขึ้นมา 2 ทางสำหรับเรื่องความร้อนคือ 1 รถอาจจะมีระดับความร้อนสูงเกินกว่าปกติต้องแก้ไข ซึ่งความร้อนปกติน่าจะอยู่แถว 90-92 องศาเซลเซียส หรือ 2 รถอาจจะมีระดับความร้อนแบบนี้เป็นปกติก็ได้ เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจครับ แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับรถที่ผมใช้ประจำ อุณหภูมิปกติที่รักษาให้เป็นปกติจะอยู่ที่ประมาณ 80-90 องศาเซลเซียส ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกัน อาการตัวร้อนของรถคันนี้ ก็จะเกิดขึ้นใกล้เคียงกับแอร์ไม่ค่อยเย็น ผมเลยแก้ปัญหาแบบเดิมคือ ปิดแอร์สักพักหนึ่งแล้วเปืดแอร์ใหม่ แอร์เย็นขึ้นและเครื่องเริ่มเย็นลง

19.00 น. ผมลอดใต้สะพานข้ามคลองสามวา (ไม่เข้าใจว่า ทำไมจากร่มเกล้าจะให้เลี้ยวขวาเข้าสุวินทวงศ์เลยไม่ได้ ต้องเลี้ยวซ้ายไปมะรุมมะตุ้มลอดสะพานนี้) ขับประกบข้างๆ 18 ล้อพอได้ไออุ่น แล้วโผล่ขึ้นสุวินทวงศ์ ขับมาเรื่อยๆ ถึงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนนิมิตใหม่ แล้วเลือกปั๊มที่จะเติมน้ำมันคืนให้พี่เขา สุดท้ายเลือกช่วยคนไทยด้วยการเติมแก็สโซฮอล 95 ของบางจาก 200 บาท เรื่องแปลกใจก็เกิดขึ้นอีกครับคือ น้ำมันที่เติมกลับเกินครึ่งถังไป 1 ขีดเต็มๆ แสดงว่าวันนี้ขับรถไป 100 กม. ใช้น้ำมันไปไปถึง 200 บาท เอ...อย่างนี้ไม่ต้องติดแก็สก็ได้นะ

ออกจากปั๊มน้ำมันของคนไทยเพื่อคนไทยที่รู้จักความเป็นอยู่อย่างพอเพียงแล้ว ผมก็ควบน้องเขียว corsa ตรงกับคืนสู่อ้อมอกเจ้าของรถโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับทำ list รายการที่เจ้าของควรดูแลด้วย ซึ่งผมคิดว่าถ้าได้ปรับแต่งอีกเล็กน้อย ก็จะได้ city car เก๋าๆ วิ่งดีๆ ขับอย่างสบายๆ เรื่องราวการขับขี่ 1 วัน กับ Opel Corsa B 4 ประตู ก็คงจบลงแค่นี้ ทุกวันนี้ผมก็ยังเห็น corsa คันนี้จอดอยู่มากกว่าขับตามปกติที่เป็นอยู่ ในใจก็รู้สึกอิจฉาคนที่เป็นเจ้าของและคิดว่าถ้ามีโอกาสอาจจะหาเดิมๆ มาขับสักคันในวันสบายๆ ส่วนคุณทั้งหลายที่ได้เป็นเจ้าของรถ Opel ไม่ว่ารุ่นใดก็ตามผมว่าคุณได้ของดีไว้กับตัวแล้ว ถ้ารถมีปัญหา อย่ารีบร้อนขายทิ้ง ลองไล่ปัญหาที่เกิดขึ้นให้เจอสาเหตุก่อน อาจจะแก้ไขได้อย่างไม่ยากเย็นเลย ถ้ารถขับแล้วเร่งขึ้นไม่ทันใจ โดยเฉพาะเกียร์ออโต้ อย่ารีบร้อนวางเครื่องใหม่ ลองปรับวิธีวางเท้าขวาบนคันเร่งดู แค่แปะเท้าแล้วกดเบาๆ ไม่ต้องกดลงไปลึกๆ คุณจะได้รับความรู้สึกใหม่ๆ กับการขับรถคันเดิม สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับ Opel รถเยอรมัน ขับสนุกตราสายฟ้าฟาดทุกท่านครับ

ม่ะได้แซวน้า....ตกลงรุ่นไหนกันแน่อ่ะคับ corsa หรือ astra  ;D ;D ;D :สำนึก: :สำนึก: :สำนึก:
  :-[ :-[corsaครับ ขอบคุณนะครับ



Offline ongchai

  • หนึ่งในใต้หล้า
  • ****
    • Posts: 474
  • top'Zaa
    • ULTIMA-G
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ครับ :D

เรารักในหลวง
ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่าน สำหรับคำแนะนำครับ
08-1779-7389 top'Zaa




Offline Little

  • น้องใหม่ในยุทธจักร
  • *
    • Posts: 2
ยินดีต้อนรับครับ  จะรออ่านต่อนะ

ป.ล. แล้วปกติคุณใช้รถเยอรมันยี่ห้ออะไรอ่ะ

ขอตอบคำถามนี้ก่อนครับเดี๋ยวจะกลายเป็นบุคคลลึกลับ รถเยอรมันที่ผมใช้อยู่เป็นรถค่ายดาวสามแฉกครับ ผมเขียนบันทึเรื่องนี้เพราะว่า feeling การขับและ hadling ของ Opel กับ Benz ไม่ต่างกันมากครับ เมื่อเทียบกับรถเยอรมันยี่ห้ออื่นๆ ที่เคยลองขับมาแล้ว ถึงตั้งคำถามในใจว่า ทำไมไม่เคยสนใจ Opel มาก่อน

ความรู้สึกเหมือนกันเลยครับ เดิมเคยใช้ Benz w123 แต่ปล่อยไปแล้วเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว หันมาคบกับญี่ปุ่นเสียนานจนเกือบลืม เพิ่งได้ corsa มาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วให้แฟนขับไปทำงาน คลับคล้ายคลับคาว่าความรู้สึกแบบนี้มันรถเดิมของเรานี่หว่า ช่วงล่างแน่น การทรงตัวเป็นเยี่ยม ขับได้มั่นใจดี แต่ระบบเบรคก็กลัวว่าจะเิอาไม่ค่อยอยู่ เพิ่งทบทวบความรู้สึกเก่าๆได้ว่ารถเดิมก็คล้ายๆกัน แต่พรุ่งนี้ต้องไปตรวจระบบเบรคและโช๊คหลังหน่อย เพราะเวลาเหยียบเบรคคล้ายกับมีเสียงลมออกมา และโช๊คหลังดังเวลากด คิดไปคิดมาว่าจะยึด corsa แล้วให้แฟนขับพี่ยุ่นไปทำงานดีไหมเนี่ยะ พวกเราน่าจะขออนุญาตเจ้าของกระทู้เอาเรื่องจริงผ่านจอเรื่องนี้ไปลงในนิตยสารรถยนต์ จะได้มีคนหันกลับมามองเราเยอะๆ และ....ผลพลอยได้... ราคารถเราจะได้สูงขึ้นไปด้วยไง.....



Offline มือใหม่corsa

  • ยอดฝีมือแห่งแค้วน
  • *****
    • Posts: 9,676
  • เจ้าซ่าส์ ชาเขียว
  • No.: เจ้าซ่าส์ชาเขียว เบอร์ 69
  • รุ่นรถ: CORSA 3Dr.
  • สีรถ : เขียวปรี๊ด
  • เครื่องยนต์: เครื่องวีออซ 1NZ-VVTI AUTO
แน่นอนครับ corsa มันเจ๋งอยู่แล้นท์

เจ้าซ่าส์ชาเขียว CORSA 1.4i 3Dr. Auto Top Speed 100Km/Hr.
สมาคมวิทยุสื่อสารเพื่อการพัฒนา / ชมรมนักวิทยุสมัครเล่นเพื่อนพัฒนา http://www.vr144650.com
e20mmo@gmail / hotmail.com

http://e20mmo.multiply.com


 





Opel Vauxhall Corsa B Astra Vectra B Omega Kadett Kapitan Olympia C14NZ C12NZ X14XE X16XE X16XEL X18XE X18XE1 X20XEV Z22SE C20NE C20SE C20XE C2OLET X25XE C25XE X30XE imcher stiemetz zifira


รถยนต์ ขับรถ Opel in Thai โอเปิล อิน ไทย สนาม ซ่อม แต่ง คลับ club love lover modify talk host server online network game เกมส์ colocation co-location ล้อ ยาง ช่วงล่าง เครื่อง