ส่วนผสมบาง ก็แค่ ...
- ความร้อนในห้องเผาไหม้สูงกว่าปกติ
- เครื่องพังเร็วขึ้น เพราะอุปกรณ์ในห้องเผาใหม้พังเร็วขึ้นจากสาเหตุข้อแรก
- น้ำมันเครื่องพังเร็วขึ้น เพราะสาเหตุจากข้อแรก
- กำลังเครื่องลดลง เพราะจ่ายน้ำมันน้อยกว่าที่เครื่องยนต์ต้องการ
- จากข้อที่แล้ว ทำให้ต้องเหยียบคันเริ่งเพิ่มขึ้น ถ้าต้องการจะให้ได้ความเร็วเท่าเดิม ผลคือจ่ายน้ำมันมากกว่าเดิม หักลบกลบหนี้กันแล้ว อาจไม่แตกต่าง แต่จะได้ข้อดีข้ออื่นๆที่ผมกล่าวมาเป็นของแถม
นับข้อดีได้ห้าข้อแล้ว "ลอง" เลยครับ ที่ผมพูดมาคือทฤษฎี ปฎิบัติยังรอการพิสูจน์ครับ
อย่างกรณีของผมน่าจะคล้ายกับที่คุณ ZeaBiscuit บอกนะครับ
toyota คันที่ผมใช้หลักๆติดแก๊สเมื่อประมาณ3ปีที่แล้ว ระบบดูด
ที่นี้ช่างเค้าก็จูนมาก็พอใช้ได้แล้ว ผมอยากลองว่าเราก็ไม่ได้ขับเร็วก็ปรับวาว์ลให้
มันจ่ายน้อยลงเห็นว่ามันก็ประหยัดแก๊สดีนะต่ำกว่า กิโลเมตรละบาทอีก (แอบได้ใจ :-*)
ก็ปรับไปปรับมาจน เหลือซัก กิโลเมตรละ 80-90 สตางค์ได้ แต่ว่าความเร็วปลายขับได้เต็มที่แค่100-120นะ
ใช้ได้อยู่ 2 ปีเศษเกือบๆ 80000 โลครับ เครื่องกินน้ำมันเครื่องมากขึ้นเรื่อยๆ จาก 5000 กิโลเมตร ไม่ต้องเติม ก็เพิ่มเป็น 1/2 ลิตร ,1 ลิตร,2ลิตร ตามลำดับ
จนมาวันนึงเครื่อง ควันท่วมเลยครับ วัดกำลังอัดตกไป 1 สูบ เหลือ 50 psi เปิดฝามาเหมือนว่าแหวนลูกสูบมันตาย
ขูดกระบอกเป็นรอย
ก็เลยวางเครื่องใหม่ 4E-FE ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน(จริงๆก็หักค่าติดแก๊ส+ค่าเครื่องใหม่+ค่าวางแล้วยังกำไรค่าแก๊สอยู่ร่วม 3 หมื่นกว่านะครับจดค่าแก๊สตั้งแต่ติด ซึ่งจริงๆแล้วผมว่าอายุเครื่องควรจะใช้ได้นาน
กว่านี้นะถ้าผมไม่ปรับซะบางเกินไป)
ทุกวันนี้ผมก็เลยปรับแก๊สแบบว่าลองวิ่งความเร็วสูงสุด 160-170 แต่เราวิ่งใช้งานจริง 100-130
อย่างนี้ได้ไหมครับ
แล้วก็ astra ที่ผมกำลังจะเอาไปติดก็คงให้เค้าจูนปกติแล้วล่ะครับ