ระบบ โช้ค ผมจะแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ ครับ
1. Home use
เน้นการใช้งานชีวิตประจำวัน ให้ผู่ใหญ่นั่ง แล้วไม่บ่น ลูกเมียนั้งแล้วไม่ทะเลาะกัน นุ่มๆ เหมาะกับผู้ที่ไปเรื่อยๆ ไม่รีบ ไม่มุดบ่อยๆ ไม่ได้ขับเร็วเกิน 150 บ่อยๆ
คำจำกัดความง่ายๆว่า เน้น สบายครับ2. sport use
การทำงาน จะเริ่ม แข็ง ขึ้นการตอบสนองของ ตัวรถกับพื้นถนน และยาง จะตอบสนองชัดเจนมากขึ้น เวลาที่ขับเร็วๆ ขับมุดๆ จะโคลงตัวน้อยลง
ความสนุกในการขับมากขึ้น แต่จะต้องแลกกับความสบายที่เงินที่จ่ายเท่ากัน งง ไหมครับ ผมหมายความว่า มีเงิน 10000 เท่ากัน สามารถเลือกได้ว่าจะเอาสบายหรือสนุก โดยเป็นตัวแปรผันกันโดยตรง...
แต่.... ถ้าอยากได้สบายด้วย สนุกด้วย ต้องจ่ายเงินมากขึ้นครับ (ต้องเที่ยบที่ราคามือ 1 ทั้งคู่ นะครับ) บ้านเราโชคดีที่ มีของมือ 2 ราคาถูกๆมาให้เลือกใช้โดย สภาพเหมาะสมกับราคาที่จ่าย ทำให้ ได้ของดีราคาถูก(เมื่อเที่ยบกับของแต่งตรงรุ่น) อยู่บ่อยๆ แต่... อย่าลืมว่า รถแต่ละคัน น้ำหนักต่างกัน เวลาที่ได้โช้คมา จะมาแปลงใส่ ต้อง หาสปริง+ปรับแต่งน้ำมัน ค่าแอบซอป-รีบาวนท์ ให้่เหมาะสมกับรถด้วยนะครับ ถ้าโช้คตัวที่ได้มาเป็นสปริงหลอด(สตัท) ต้องเข้าใจขั้นต้นว่า นิสัยของมันคือกระด้าง(มันถึงได้มีการแก้ปัญหาโดยการใช้สปริง 2 ชุดทำงานที่ช่วงโหลดต่างกัน) แต่อย่างไรเราก็สามารถเลือก สปริงที่ ค่า k เหมาะสมได้ง่ายครับผม
มาถึงตรงนี้คงเคยได้ยินคำว่าโช้คเทพ
มันคือประเภทที่ จ่ายเงิน 3-60000 สำหรับโช้ค 4 ต้นพร้อมสปริงที่เป็นของแต่งจากสำนักตรงรุ่น แล้วใช้งานได้ 4 ปี ครับ แต่
มันมีคำนึงครับที่เป็นจริง... คือ ช่วงล่างรถถนนเทพๆ ก็ยังไม่พอใช้ในสนามแข่งครับ3. raceing use
ออกแบบมาเพื่อการ ตอบสนองที่ ดีที่สุดโดยต้องลืม ความสบายทิ้งไปได้เลยครับ มัน
ทำออกมาเพื่อวิ่งในสนามเท่านั้น สามารถปรับแต่งได้ ค่อนข้างกว้าง เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในสนามต่างๆที่ทำการแข่งขันครับ ถ้าได้ลองขับบนถนน จะบอกได้เลยว่า ถนนไทยมันเหี้ย ขนาดไหน เด้งเป็นกบ ก็เพราะว่า มันออกแบบมาให้วิ่งในสนามครับ ในสนามถนนมันเรียบ ไม่ได้มีฝาท่อ ไม่ได้มีลูกระนาด การจับความรู้สึกในการใช้งานในสนามมันจะ จับได้ชัดมาก ว่า ขับผ่าน อะไรบ้าง... แต่ถ้าเอามาขับบนถนน มันจะ จับความรู้สึกได้มากเกินไปจนน่ารำคาญ หลายๆคันถ้าไม่ติดคำว่า โช้คสนามแท้ๆ ค้ำคออยู่ ก็คงถอดลงเอาโช้คบ้านมาใส่ดีกว่าครับ สบายกว่าเยอะ ยิ่งเวลาขับทางเขา ลงเนินมา เจอ คลื่นลอนๆของพื้นถนน รถมันจะล้อลอย ไม่เกาะถนน เบรคไม่อยู่เพราะล้ออยู่บนอากาศ รถจะปัดไปปัดมา แทบถอดทิ้ง
แต่บ้านเรา สนามที่ วิ่งๆกันอยู่ มันมีไม่กี่สนาม ระยะทางก็ไม่ยาว เป็นสนามที่ เน้น โค้งต่อโค้ง ทั้งนั้น ไม่ว่าจะ นครชัยศรี brc พีระ ช่วงล่างเลยทำง่ายๆได้ด้วยการ เอาของเดิมไปอัด+สปริงแต่งค่าk สูงๆ ก็ วิ่งได้ดี พอควร รถเครื่อง 1500 วิ่ง พีระ ช่วงล่างลูกทุ่ง เวลาต่ำกว่า 1.20.00 ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ แตถ้าจะกดลงไปมากกว่านื้ มันต้องใช้ช่วงล่างสนามเทพๆ แทนล่ะครับ จะได้ปรับแต่งค่าต่างๆได้ดีขึ้น
มาต่อเรื่อง รถของพวกเราบ้าง
ช่วงล่าง tein ในopel ผมเห็นมีของ อู๋ corsa 4e-fte ใช้ของ r32 มาทำ ปรับแข็งอ่อนได้ ส่วนตัวยังไม่เคยนั่ง แต่เห็นว่า ดีนะครับ มีแต่ข้างหน้า รู้สึกจะจบที่ไม่ถึง 10000 มั้งครับ มีของพี่ที่ อยู่เชียงกงบางนา ใส่บอลจ้อยด้วยอีกคันนึง
ช่วงล่าง ตรงรุ่นมีบอมบ์(สปริง ไอบัค โช้คแก๊สไรเดอร์) พี่กุ้ง(กำลังจะลงtein) โค้ช(ไอบัคบิลสไตล์+โช้คอัดน้ำมันร้านพรเทพ) ผมเอง (สไตทเมท4ตัวพร้อมสปริง แต่กำลังถอดลองแบบอื่นอยู่) พี่ลักษณ์ (สปริงH&R โช้คแก๊สไรเดอร์) เป้ย (สปริงไอบัคพี่เอ้ให้ โช้ค น้าขาวให้)
แต่ละคนก็ใช้กันตามลักษณะการใช้งานครับ ถ้าให้ผมเชียร์ ว่าตัวไหนช่วงการปรับแต่งกว้าง การดูแลอายุโอเค ผมว่า tein มือ2มาแปลง ครับ เลือกสปริงค่า k ตามต้องการได้ บางตัวปรับ ความหนืดได้ เสียก็ไปซ่อมที่ 0 ของพี่อั้น ได้ คุ้มค่าเงินที่สุดครับ พวกช่วงล่าง เทพๆ ตรงรุ่นตัวอื่น เวลาพัง... มัน ต้องโยนทิ้ง... ทำอะไรไม่ได้เลย
บิวสไตล์ ก เจริญ มันยังไม่ซ่อมเลยครับ เวรมาก มี โอลิน อีกตัวนึง แต่... แพงกว่า tein
ที่เหลือลองดูกับตัวเอง ครับ ถ้าต้องการข้อมูลลองโทรมา นัดกินข้าวกันบ่่อยๆ ฮะ