E-REV : ข้ามข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า
ยังเป็นที่ถกเถียงและสร้างความสงสัยในวงกว้างกันอย่างต่อเนื่องสำหรับนิยาม ของรถยนต์ประเภท E-REV หรือ Extended range Electric Vehicle ซึ่งทางจีเอ็มเป็นคนให้นิยามและนำมาใช้กับผลผลิตใหม่อย่างเชฟโรเลต โวลต์ ที่เปิดราคาออกมาแล้วในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเริ่มขายในปลายปีนี้
จีเอ็มเลือกใช้คำนี้เพื่อบอกให้เห็นถึงความเป็นเทคโนโลยีใหม่ ด้วยการพาผู้ขับข้ามข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ต้องสนใจการเสียบปลั๊กชาร์จไฟเมื่อกระแสไฟฟ้าหมด เพราะจะมีเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็ก รับหน้าที่ชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่เพื่อส่งให้มอเตอร์ไฟฟ้าใช้ ในการขับเคลื่อนตัวรถต่อไปได้ และถ้าน้ำมันหมด ก็แวะปั๊มเติมได้ เพื่อให้เครื่องยนต์ชาร์จไฟไปเรื่อยๆ
นอกจากโวลต์แล้ว โอเปิล/วอกซ์ฮอลล์ยังเตรียมนำเทคโนโลยี E-REV มาใช้กับพี่น้องฝาแฝดในชื่อแอมเพอราอีกด้วย
ผ่า ให้เห็นรายละเอียดของรถยนต์แบบ E-REV ของจีเอ็ม ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน แต่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นตัวช่วยชาร์จกระแสไฟฟ้า
ขณะที่อีกนิยามบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะเป็นการดัดแปลงพื้นฐานของส่วนประกอบในระบบมาจากเทคโนโลยีซีรีส์ ไฮบริด ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 1901 สมัยดร.เฟอร์ดินันด์ ปอร์เช่ โดย E-REV คือ ซีรีส์ ไฮบริดที่ถูกแต่งเติมให้มีความทันสมัยขึ้นเท่านั้นเอง เพราะพื้นฐานการทำงานของตัวรถ คือ ซีรีส์ ไฮบริด ซึ่งมีความต่างจากพาราเรล ไฮบริดแบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะรับหน้าที่ขับเคลื่อน และเครื่องยนต์สันดาปภายในทำหน้าที่ชาร์จไฟ แต่ของพาราเรล ไฮบริดจะสลับกัน
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน โวลต์ถือว่าเป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกอีกรุ่นที่ไม่น่ามองข้าม และมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะนี่คือ การลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากในเมื่อเปลี่ยนหน้าที่เครื่องยนต์สันดาปภายในจากการรับภาระหนักของ การขับเคลื่อนมาเป็นการชาร์จไฟ ก็เลยทำให้สามารถเลือกใช้เครื่องยนต์ที่มีความจุน้อย และกินน้ำมันน้อยมาทำหน้าที่แทนได้ แถมยังติดตั้งระบบควบคุมมลพิษทั้งหลายเข้าไปได้ เพื่อให้การปลดปล่อยก๊าซพิษมีน้อยลง
นอกจากนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้จีเอ็มกล้าบอกว่านี่คือ รถยนต์พลังไฟฟ้าแบบขยายหรือเพิ่มระยะทางในการเดินทางได้ คือ การที่มีโหมด EV ให้ขับได้เป็นระยะทาง 40 ไมล์ หรือ 60 กิโลเมตร (ตัวเลขนี้มาจากการสำรวจซึ่งระบุว่า 75% ของคนอเมริกันที่ขับรถยนต์ภายใน 1 วันรวมแล้วจะระยะทางไม่เกินนี้) ในช่วงแรกของการสตาร์ทรถ ซึ่งระยะทางที่ขับได้ขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่อยู่ในแบตเตอรี่ ถ้าชาร์จจนเต็มจะวิ่งได้ 60 กิโลเมตรสำหรับการทดสอบบนถนนนอกเมือง ถ้าชาร์จมาไม่เต็ม ระยะทางก็ลดหลั่นลงไปเรื่อยๆ
ตรงนี้หมายความว่า ถ้าจอดรถอยู่กับบ้านแล้วชาร์จกระแสไฟฟ้าทิ้งเอาไว้ทั้งคืนจนแบตเตอรี่เก็บไฟ เอาไว้เต็ม พอตอนเช้าสตาร์ทครั้งแรกและขับรถออกไป ระบบจะให้ตัวรถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้า โดยอาศัยกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวก่อน
ถ้าจุดหมายอยู่ไกลกว่าระยะทาง 60 กิโลเมตร ระบบก็จะค่อยสตาร์ทเครื่องยนต์ขึ้นมาเพื่อชดเชยกระแสไฟฟ้าที่เสียไป แต่ถ้าจุดหมายอยู่ใกล้กว่า เครื่องยนต์ก็ไม่ทำงาน เมื่อถึงที่ทำงาน ก็อาจจะเสียบปลั๊กชาร์จไฟจนเต็มแล้ว เลิกงานแล้วก็ขับกลับบ้านต่อได้ หมายความว่า ถ้าการขับต่อการสตาร์ท 1 ครั้งมีระยะทางไม่เกิน 60 กิโลเมตร เท่ากับว่าโวลต์ก็คือ รถยนต์ไฟฟ้าดีๆ นี่เอง แต่เหนือกว่าตรงที่มีระบบชาร์จไฟในตัว (เครื่องยนต์) ติดตั้งเอาไว้ด้วย เผื่ออยากจะขับไกลกว่านั้นจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลเหมือนกับขับรถยนต์พลัง ไฟฟ้าแท้ๆ
ในตอนนี้ ยังไม่มีผู้ผลิตรถยนต์ค่ายไหนสนใจเทคโนโลยี E-REV และนั่นทำให้โวลต์เป็นหนึ่งเดียวที่อยู่ในตลาด โดยในยุโรปโวลต์จะถูกแต่งหน้าทาปากใหม่ และส่งขายด้วยชื่อโอเปิล/วอกซ์ฮอลล์ แอมเพอรา ส่วนในออสเตรเลียจะเปลี่ยนแบรนด์มาเป็นโฮลเด้น
นอกจากโวลต์แล้ว โอเปิล/วอกซ์ฮอลล์ยังเตรียมนำเทคโนโลยี E-REV มาใช้กับพี่น้องฝาแฝดในชื่อแอมเพอราอีกด้วย
ราคาขายในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 41,000 เหรียญสหรัฐฯ (1.35 ล้านบาท) หรือ 33,500 เหรียญสหรัฐฯ (1.1 ล้านบาท) หลังได้รับการลดหย่อนภาษี ส่วนตลาดโลกคงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะอยู่ที่เท่าไร
.........................................................
ราคาขนาดนี้จะใช้กันไหวหรือเปล่าครับพี่น้อง...